พ่อแฉ แก๊งโจ๋โทรมลูกคาดทำบ่อย เหยื่อถูกขืนใจนั่งดูขำขำ - คนไม่ช่วยกลัวถูกทืบ (คลิป)

20 ธ.ค. 61
จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ภาพและคลิปวิดีโอ ขณะเข้าทำร้ายกลุ่มวัยรุ่น พร้อมระบุ ว่าอยากเตือนภัยชาวสระบุรีเนื่องจากลูกสาวตนเอง ถูกวัยรุ่น 5 คนนี้ ฉุดไปรุมโทรมข่มขืนในร้านทุกอย่าง 10 บาท โดยผู้เป็นพ่อเกิดความกังวลใจว่าคดีอาจไม่คืบหน้า ล่าสุด เพื่อนของกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวได้ออกมาเปิดเผยว่าเรื่องดังกล่าวมีการวางแผน แต่ตนไม่ไม่อยู่ในที่เกิดเหตุเนื่องจากออกไปซื้อบุหรี่นั้น รวมถึงพบว่ามีผู้เสียหายอีกรายนั้น (อ่าน : สาวเปิดใจ ถูกประณามเป็น "นกต่อ" ลวงเพื่อนให้ 5 โจ๋รุมโทรม เผย ถูกขืนใจด้วยเหมือนกัน)
นายก็อต พ่อของเด็ก อายุ 12 ปี ผู้เสียหาย
วันที่ 19 ธ.ค. 61 นายก็อต ให้สัมภาษณ์ผ่าน รายการต่างคนต่างคิด ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์อมรินทร์ ทีวี ช่อง 34 ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 18.50 น. ว่า ตอนแรกตนสงสัยว่านก อาจเป็นนางนกต่อลวงลูกสาวตน แต่หลังจากเรื่องดังกล่าวจึงรู้ว่านกเองก็เป็นหนึ่งในผู้เสียหายด้วย โดย นกเล่าว่า วันเกิดเหตุนกนักเจอกับผู้ชายที่รู้จักกันผ่านเฟซบุ๊ก ซึ่งวันนั้นเป็นวันที่ทั้งคู่จะมาเจอกันเป็นวันแรก ฝ่ายชายนัดนกไปขับรถเล่น ลูกสาวจึงตามออกไปด้วย จากนั้นชายคนดังกล่าวพาทั้งคู่มาส่งที่บริเวณร้านที่เกิดเหตุ และอ้างว่ามีธุระก่อนขับรถหายไป จากนั้นกลุ่มวัยรุ่นจึงลงมือข่มขืน ทั้งนกและลูกสาว โดยการข่มขืนเป็นลักษณะข่มขืนวนสลับกันไป ซึ่งนกสามารถจำใบหน้าของผู้ก่อเหตุทั้งหมดประมาณ 7-8 คนได้ แต่อาจจำชื่อได้ไม่หมด
ภาพจำลองเหตุการณ์ ขณะเกิดเหตุ
ส่วนชายที่อ้างว่าออกไปซื้อบุหรี่แล้วไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นนั้น นกเปิดเผยว่า จริง ๆ แล้ว ชายคนนี้กลับมาในขณะที่ยังมีการข่มขืน แต่ชายคนดังกล่าวกลับนั่งเล่นเกม มองเหตุการณ์ทั้งหมดภายในร้านเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น อีกทั้งหลังเกิดเหตุ ชายที่มาส่งนกและลูกของตนก็ขับรถมารับพอดี ตนเห็นว่าเป็นความบังเอิญเกินไป อีกทั้งจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนคาดว่าวัยรุ่นกลุ่มนี้อาจทำพฤติกรรมดังกล่าวบ่อยครั้ง เนื่องจากเห็นว่ามีผู้ที่ไม่ทุกข์ร้อนเมื่อเห็นเหตุการณ์ และยังมีผู้ปกครองหรือผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่นคอยมาเคลียร์เรื่องให้อีกด้วย นอกจากนี้ หลังจากมีเจ้าหน้าที่ตำรวจโทรศัพท์มาไกล่เกลี่ย และบอกว่าเป็นห่วงอนาคตของผู้ก่อเหตุนั้น เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวได้มาขอโทษกับตนแล้ว ตนจึงไม่รู้สึกติดใจ
นายก็อต พ่อของเด็ก อายุ 12 ปี ผู้เสียหาย
จากนั้น นายก็อต พ่อของเด็ก อายุ 12 ปี ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตนมองว่าการที่ประธานสภา อบต.ผึ้งรวง ถูกไล่ออกหรือลาออกเอง เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว แต่ที่ประธานสภา อบต. ให้สัมภาษณ์ว่าตนเป็นคนเรียกเงินนั้น ความจริงคือเจ้าตัวใช้อำนาจ และอ้างว่ามีคนใหญ่คนโตช่วยเหลือ เพื่อเกลี้ยกล่อมเพื่อนตนที่อยู่ในเหตุการณ์ว่าจะมีการจ่ายเงินให้ ตนยืนยันว่า อีกฝ่ายใช้อำนาจและตำแหน่ง อบต. กดดันในการเจรจา เพราะหากเจ้าตัวไม่ได้พูด ทุกคนจะรู้ได้อย่างไรว่าชายคนนี้เป็น อบต. ทั้งนี้ ประธาน อบต. ได้เรียกลูกสาวตนไปสอบถาม และกล่าวหาว่าลูกสาวตนมีนิสัยมั่ว ตนจึงมองว่าเรื่องนี้ไม่เหมาะสมเป็นอย่างมาก อีกฝ่ายผู้ใหญ่ประสาอะไรจึงพูดแบบนี้ ตนรู้สึกติดใจเรื่องนี้มาตลอด และจากนี้จะเดินหน้าแจ้งความอีก เช่น หมิ่นประมาท แต่ขณะนี้ยังไม่ทราบเรื่องกฎหมายมากนัก จึงกำลังปรึกษาผู้มีความรู้ และหากสามารถแจ้งความเพิ่มได้ก็จะแจ้ง ส่วนเรื่องคดี ตอนนี้กำลังแจ้งความเพิ่ม เพราะเดิมมีผู้ก่อเหตุชาย 5 คน แต่ทราบว่ามีผู้รู้เห็นเหตุการณ์เพิ่มอีก 4 คน รวมเป็นชาย 9 คน โดยยืนยันว่าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด และฝากถึงสังคม อยากให้คดีนี้เป็นคดีสุดท้าย ไม่อยากให้เกิดกับครอบครัวอื่นอีก
นายสิริชัย ประธุมมา ปลัด อบต.ผึ้งรวง
ที่ อบต.ผึ้งรวง นายสิริชัย ประธุมมา ปลัด อบต.ผึ้งรวง เผยว่า เมื่อเช้าได้ประชุมกับนายก อบต. พร้อมเรียกนายสังวาลย์ สิทธิปัญญา ประธานสภา อบต.ผึ้งรวงมา โดยนายสังวาลย์ได้แสดงความรับผิดชอบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ด้วยการลาออกจากตำแหน่ง แต่เมื่อสังเกตสีหน้าก็คาดว่าคงมีความเครียด และคงไม่อยากลาออก ทั้งนี้ นายสังวาลย์ไม่ได้ทำผิดเรื่องของการทำงาน อบต. แต่เป็นกระทำความผิดเรื่องส่วนตัว โดยในวันนี้นายสังวาลย์ได้ยอมรับว่าเป็นบุคคลในคลิปจริง และในวันเกิดเหตุก็ตั้งใจจะเดินทางไปเพื่อไปช่วยเคลียร์เท่านั้น
นายสังวาลย์ สิทธิปัญญา ประธานสภา อบต.ผึ้งรวง (แฟ้มภาพ)
นายสิริชัย กล่าวว่า นายสังวาลย์ถือว่าเป็นคนทำงานดี รวมถึงสนิทกับชาวบ้านในพื้นที่ แต่เรื่องส่วนตัวนั้น ตนไม่ทราบรายละเอียดที่แน่ชัด เท่าที่ทราบ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ไปเคลียร์คนเดียว ภายหลังจากมีกระแสข่าว ยอมรับว่ามีกระแสตีกลับมาถึง อบต. จึงอยากให้สังคมมองว่าเป็นคนละส่วนหน้าที่กัน
นางมร (นามสมมติ) ภรรยาของนายสังวาลย์
ขณะที่ นางมร (นามสมมติ) ภรรยาของนายสังวาลย์ เผยว่า ช่วงกลางดึกของคืนเกิดเหตุ พ่อของนายเบียร์ ผู้ก่อเหตุ เรียกสามีตนให้ไปช่วยเหลือ หลังจากที่สามีกลับมาตอนดึกก็ไม่ได้พูดอะไร แต่รุ่งขึ้น สามีก็ตื่นมาพูดว่า “สงสัยพรุ่งนี้จะมีข่าวแน่” ต่อมาเมื่อเห็นข่าวในสังคมออนไลน์ตนก็รู้สึกตกใจมาก แต่ก็เข้าใจสังคมเพราะเป็นคดีที่อื้อฉาว ขณะนี้สามีรู้สึกเครียด เพราะถูกกระแสโซเชียลโจมตีแรงมาก ตนจึงบอกให้ปล่อยวาง เพราะคงกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ส่วนประเด็นเรื่องจะมอบเงินให้ครอบครัวผู้เสียหายนั้น สามีตนคงไม่ได้เป็นคนนำไปให้ เพราะครอบครัวไม่ได้ร่ำรวย ส่วนเด็กที่ก่อเหตุ เท่าที่ทราบก็ไม่ได้เป็นเด็กเกเร และเป็นคนไม่กล้าแสดงออก เมื่อทราบว่าเด็กคนนี้ไปก่อเหตุ ก็รู้สึกแปลกใจ
นางแมว (นามสมมติ) เพื่อนบ้าน
นางแมว (นามสมมติ) เพื่อนบ้านในละแวกใกล้เคียงร้านค้าที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุช่วงกลางดึก ตนได้ยินเสียงผู้หญิงร้อง คาดว่าต้นเสียงจะมาจากร้านขายของ โดยลักษณะดังออกมาเป็นช่วง ๆ ตนยอมรับว่า หากมีเรื่องล่วงละเมิดทางเพศก็ไม่กล้าออกไปช่วย เพราะรู้สึกกลัว ตลอดระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมา ตนพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ก็ไม่เคยเกิดเรื่องเช่นนี้มาก่อน มีเพียงแต่คน มานั่งร้านดื่มสุรา และพูดคุยกันหน้าร้านค้าในช่วงกลางดึกเท่านั้น

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ