ซัดกันนัว! หลานฉุนป้าสะใภ้ทวงเงินค้ำประกันรถ พาแม่บุกตบลูกพี่ลูกน้องกระทืบป้า พ่อแม่มือตบลั่นไม่รับรู้ใครเป็นหนี้ให้ใช้เอง (คลิป)

30 ธ.ค. 64

กรณีแฟนเพจเฟซบุ๊ก "อีซ้อขยี่ข่าว" โพสต์ข้อความระบุว่า "ญาติฝั่งผู้เสียหายขอความช่วยเหลือผ่านสื่อ เพราะล่าสุดป้าและลูกถูกญาติฝั่งสามีป้า วิ่งเข้ามารุมทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากไม่พอใจและโมโหป้าที่ไปทวงถามค่างวดรถที่เคยเซ็นค้ำประกันให้ หลังค้างจ่ายหลายงวด จนเจ้าหนี้มาตามกับป้า ซึ่งเวลาที่ป้าไปตามก็มักจะถูกข่มขู่ล่าสุดถึงขั้นลงไม้ลงมือ ก่อนหน้านี้แจ้งความไปแล้วแต่ก็ยังไม่เกรงกลัว"

151212

ทั้งนี้ ยังโพสต์ภาพจากกล้องวงจรปิด ขณะที่นางสิ (นามสมมติ) ผู้ก่อเหตุ สวมใส่เสื้อสีขาวกำลังทุบตี น.ส.นวล ที่นอนกองอยู่กับถนน โดยมีชาวบ้านเข้ามาห้าม ก่อนที่นางเพ็ญ (นามสมมติ) แม่ของนางสิ ถือไม้วิ่งมาทุบน.ส.นวล นางบุญเฉียบแม่ ของน.ส.นวล จึงเปิดประตูออกไปช่วยเหลือ วิ่งไปจิกศีรษะนางเพ็ญ ก่อนที่นางเพ็ญจะหันหน้ามาหานางบุญเฉียบ ต่างฝ่ายต่างล้มไปพื้นผิวถนน น.ส.เบญจมาศ ได้ถือร่มเข้าไปทุบตีนางเพ็ญ เพื่อช่วยเหลือนางบุญเฉียบ ผู้เป็นแม่ นางสิเห็นจึงวิ่งมาช่วยนางเพ็ญ ก่อนที่จะไปจิกศีรษะน.ส.เบญจมาศ ชาวบ้านได้ช่วยกันจับแยก

302322

ล่าสุดวันที่ 30 ธ.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้เดินทางไปยังบริเวณจุดเกิดเหตุ หน้าบ้านหลังหนึ่ง ต.หน้าเมือง อ.เมืองฉะเชิงเทรา จ.ฉะเชิงเทรา ลักษณะเป็นบ้านปูนชั้นเดียว ซึ่งบ้านของผู้เสียหาย ใช้กำแพงร่วมกับบ้านผู้ก่อเหตุ โดยใช้ผ้าสแลนสีเขียวเสริมเพื่อไม่ให้มองเห็นข้างในบ้านของกันและกัน

897624

น.ส.เบญจมาศ สอดแสง อายุ 29 ปี ผู้เสียหาย เล่าให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้เมื่อประมาณ 10 ปี นางสิ (นามสมมติ) ผู้ก่อเหตุ มีศักดิ์ศรีเป็นลูกพี่ลูกน้องของตน ญาติทางฝั่งพ่อ ได้มาขอความช่วยเหลือจากแม่ของตน ให้ช่วยค้ำประกัน โดยจะนำรถเก๋งไปเข้าไฟแนนซ์ เป็นเงินเท่าไรตนไม่ทราบ ซึ่งแม่ของตนยินดีในการช่วยเหลือเพราะเห็นว่าเป็นญาติกัน แม่เป็นคนค้ำประกันคนแรก ขณะนั้นตนยอมรับว่าไม่ทราบว่าแม่ไปค้ำประกันให้ เพราะแม่ไม่ได้มาปรึกษา ประกอบกับตนยังไม่โตมากพอ 

ภายหลังจากนั้นนางสิ ไม่ชำระเงินคืนตามกำหนด ทำให้ไฟแนนซ์โทรศัพท์มาทวงถามพร้อมกับข่มขู่ให้แม่ของตนเป็นคนจ่ายเงินแทน แต่แม่ไม่ยอมบอกกับตน กระทั่งตนศึกษาในระดับชั้นปวช. จึงได้ทราบเรื่องและรู้ว่าไฟแนนซ์คืออะไร คนค้ำประกันคืออะไร จึงขอให้แม่หยุดการช่วยเหลือนางสิ

157542

ในขณะเดียวกันก็มีไฟแนนซ์มาทวงเงินเกือบทุก ๆ วัน แม่ของตนได้ตัดสินใจไปบอกกับนางเพ็ญ (นามสมมติ) แม่ของนางสิ แต่กลับนิ่งเฉยอ้างว่าหนี้ก่อนดังกล่าวเป็นของนางสิ ก็ให้นางสิเป็นคนจ่าย จากนั้นแม่ของตนได้เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์หนีไฟแนนซ์ เนื่องจากสุขภาพจิตเสีย ตนยอมรับว่าครอบครัวของตนและนางสิ มีปัญหายืดเยื้อกันมานานหลายปี

กระทั่งวันที่ 25 ตุลาคม 63 มีหมายศาลมาที่บ้าน ระบุว่าให้นางสิพร้อมกับแม่ และอดีตสามีนางสิ ต้องชำระเงินให้แก่บริษัทไฟแนนซ์ ซึ่งทางครอบครัวนางสิ กลับเงียบ ตนและผู้เป็นแม่ต่างวิ่งเต้นขอความช่วยเหลือ ขณะเดียวกันนางสิ ได้เปลี่ยนชื่อ และบริษัทไฟแนนซ์ตรวจสอบทรัพย์สินพบว่านางสิ ไม่ได้ครอบครองหรือมีทรัพย์สิน จากนั้นไฟแนนซ์ได้มาตรวจทรัพย์สินของแม่ตน พบว่าครอบครองที่ดิน พร้อมบ้าน จึงขู่ว่าหากไม่ชำระเงินจะมายึดบ้านพร้อมกับที่ดินทันที

ต่อมาวันที่ 20 กรกฎาคม 64 ตน แม่ พร้อมกับนางสิ และอดีตสามีนางสิ ได้ไปขึ้นศาล ภายหลังจากนั้นนางสิ พูดกับแม่ตนว่าจะไม่ทำให้เดือดร้อน แต่เมื่อต้นเดือนตุลาคม 64 ตนได้รับแจ้งจากไฟแนนซ์ว่าต้องชำระเงิน หากไม่ชำระเงินจะถูกยึดที่ดินและบ้าน จึงสอบถามยอดคงค้างประมาณ 1 แสนกว่าบาท แต่หากจ่ายขณะนั้นจะลดเหลือ 61,000 บาท ทางญาติฝั่งแม่ได้ให้เงินมาชำระจำนวน 61,000 บาท ในวันที่ 29 ตุลาคม 64 เพราะกลัวว่าจะถูกยึด

130958

ภายหลังจากที่ชำระเสร็จ ผ่านไป 1 เดือน (30 พฤศจิกายน 64) วันเกิดเหตุครอบครัวนางสิ ที่กลับมาจากการรักษาตัวจากโควิด-19 ครอบครัวญาติของตนจึงได้สอบถามว่าจะไม่ช่วยรับผิดชอบหนี้ก้อนสุดท้ายบ้างหรือ เขากลับเงียบ และทราบว่าหนี้ก่อนสุดท้ายได้ชำระแล้ว จากนั้นทางญาติฝั่งของแม่ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ซึ่งทางญาติของนางสิก็ไม่พอใจ ได้เข้ามาตอบคอมเมนต์ ตนจึงไปตอบว่าขอให้เงินจำนวน 61,000 บาท ตัดความสัมพันธ์ความเป็นญาติ

กระทั่งเวลา 19.00 น. นางสิ ได้ปาขวดมาที่บ้าน พร้อมกับด่าทอไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย พอน.ส.นวล พี่สาวของตนเดินทางกลับมาที่บ้าน ถูกนางสิ (สมมติ) ทำร้ายร่างกาย ชาวบ้านเข้ามาห้ามปราม ขณะเดียวกันนางเพ็ญแม่ของนางสิ ได้เข้าไปช่วยเหลือนางสิ พอแม่ของตนเห็นจึงวิ่งเข้าไปช่วยเหลือ น.ส.นวล ส่วนตัวรีบกลับกล้องวงจรปิดให้หันไปทิศทางที่เกิดเหตุ และรีบไปช่วยแม่ เนื่องจากถูกนางเพ็ญดึงให้ล้มหัวฟาดพื้น อย่างไรก็ตาม ตนไม่อยากให้เป็นข่าวใหญ่โต เพียงแค่อยากให้ต่างคนต่างอยู่ และไม่ต้องมาวุ่นวายกันอีก

402973

ต่อมาทีมข่าวได้เดินทางมายังบ้านของนางสิ (นามสมมติ) ผู้ก่อเหตุ ลักษณะเป็นบ้านปูนชั้นเดียว พบกับนางเพ็ญ (นามสมมติ) แม่ของนางสิ และนายพง (นามสมมติ) พ่อของนางสิ ระบุว่า นางสิ ไม่อยู่บ้าน ออกไปทำธุระที่จ.ลำปาง ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดจากที่ลูกสาวคนเล็กของนางบุญเฉียบ โพสต์ข้อความสาบแช่ง ด่าทอพวกตนบนโซเชียลมีเดีย 

793237

เมื่อนางสิ ลูกสาวตนเห็นก็เกิดความโมโห เพราะไม่น่าจะมาด่าทอถึงบุพการี และสาปแช่งให้พวกตนไม่ตายดีกัน จึงได้ไปด่าทอ ก่อนที่จะมีการลงมือทำร้ายตามอย่างคลิปกล้องวงจรปิดที่คู่กรณีเอาไปเผยแพร่ ขณะเดียวกันพวกตนยอมรับว่า ครอบครัวของตนมีปัญหากับครอบครัวของนางบุญเฉียบ พอสามีของนางบุญเฉียบเสียชีวิต แม่ของตนจึงให้ตนไปรับนางบุญเฉียบ พร้อมกับลูกสาว 2 คน มาอาศัยข้างบ้านตน โดยตนแบ่งที่ให้พักอาศัย ซึ่งนางบุญเฉียบ มักจะมีพฤติกรรมที่ชอบใส่ร้ายตน ทำให้ครอบครัวญาติพี่น้องของตนไม่พอใจ มาตำหนิ และไม่พูดกับตน

ส่วนกรณีที่นางสิ ให้นางบุญเฉียบค้ำประกันรถตนไม่ทราบ ภายหลังจากเกิดเหตุตนอยากให้ทั้ง 2 คนคุยกันเอง เพราะขณะที่นางบุญเฉียบ จะไปเซ็นค้ำประกันให้ ทำไมไม่มาปรึกษาตน พอเกิดเรื่องทำไมต้องมาทวงหนี้กับตน หากนางสิ ไปหยิบยืมเงินคนอื่น ตนต้องตามล้างตามเช็ดใช่หรือไม่ ซึ่งนางสิก็มีครอบครัวไปแล้วจะให้ตนรับผิดชอบอะไร

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส