จากกรณีเมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. ของวันที่ 23 ธ.ค. 64 นายสุขสรรค์ นามแสง อายุ 57 ปี ชาวบ้าน บ้านปูคาเหนือ ต.แม่ปูคา อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ก่อเหตุแทงพี่สาวแท้ ๆ ของตัวเองคือ น.ส.มาลี นามแสง อายุ 65 ปี เสียชีวิตหน้าห้องนอนชั้นล่าง
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สันกำแพง พร้อมด้วยแพทย์เวร รพ.สันกำแพง เข้าตรวจสอบพบร่างผู้เสียชีวิต สภาพศพสวมเสื้อกล้ามสีเขียว กางเกงขายาวสีน้ำเงิน และมีบาดแผลถูกมีดแทงหลายแผล มีเลือดไหลออกมาเป็นจำนวนมาก
ชันสูตรศพเบื้องต้นถูกแทงรวม 7 แผล คือที่ชายโครงฝั่งขวา 1 แผล ลำตัวด้านหน้า 3 แผล และแขน 3 แผลนอนเสียชีวิต ก่อนให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำร่างของผู้เสียชีวิตส่งไปชันสูตรอย่างละเอียด ที่ภาควิชานิติเวช รพ.มหาราชนครเชียงใหม่
ขณะที่ผู้ก่อเหตุคือ นายสุขสรรค์ หลังจากก่อเหตุได้ยืนรอมอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมกับของกลางมีดทำครัวความยาวประมาณ 8 นิ้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวมาดำเนินคดีที่ สภ.สันกำแพง
วันที่ 24 ธ.ค.64 นางจงจิต บุปผาวัลย์ อายุ 63 ปี ลูกคนที่ 3 ของครอบครัว เป็นน้องของผู้เสียชีวิต เป็นพี่สาวผู้ก่อเหตุ พาไปดูจุดที่พี่สาวถูกน้องชายแทงเสียชีวิต พบว่ามีการทำความสะอาดไปหมดแล้ว บอกว่า ตนอยู่บ้านอีกหลังส่วนบ้านหลังนี้เดิมที่มีแม่อยู่ด้วย และพี่สาว แต่แม่เสียชีวิต ทั้งคู่จึงอยู่กัน 2 คน
น้องชายเป็นคนขี้เมา ติดการพนัน ย้อนไปสมัยที่แม่มีชีวิตก็มีคนมาทวงขู่ฆ่าถึงบ้าน แม่ก็ต้องควักเงินจ่ายให้เกือบ 4 หมื่นบาท จนแม่เสียชีวิตไป ก็ทิ้งมรดกไว้ให้มากมาย โดยเฉพาะน้องชายที่ก่อเหตุได้มากที่สุด และมีทั้งรถกระบะ รถจักรยานยนต์ ก็เอาไปประสบอุบัติเหตุ เมื่อหลายปีก่อนชนเสาไฟฟ้า พี่สาวต้องเอาเงินไปชดใช้ให้
กระทั่งล่าสุดมีการทะเลาะกันก่อนทั้งวัน เพราะเรื่องขอเงิน แต่คราวนี้พี่สาวบอกไม่มี จึงเถียงกันจากนั้นเข้า เวลา 19.00 น. น้องก็ไปเคาะประตูให้พี่สาวนั้นออกมา พอพี่สาวออกน้องก็จ้วงแทงไม่ยั้ง และไม่มีความสำนึกอะไรเลย เพราะแทงเสร็จเดินไล่บอกชาวบ้านว่า ”แทงพี่สาวตายแล้ว” กระทั่งตำรวจมาตัวล็อก น้องชายบอก “ขอกราบตีนพี่สาวหน่อย” แต่ตำรวจปฏิเสธไม่ให้กราบ ตำรวจบอกว่าคนแบบนี้ไม่ได้สำนึก จึงพาขึ้นรถตำรวจไป เป็นภาพที่สลดใจมาก
จากการที่ทีมข่าวเดินทางไปที่บ้านเกิดเหตุเมื่อช่วงเช้า พบชาวบ้าน และญาติ ๆ กำลังจัดเตรียมสถานที่ โดยจะมีการตั้งบำเพ็ญกุศลศพ น.ส.มาลี ไว้ที่บ้าน บรรยากาศเป็นไปด้วยความเรียบง่าย ซึ่งจากการสอบถามญาติ ๆ บอกว่าจะทำการสวดพระอภิธรรมศพ 3 คืนก่อนฌาปนกิจศพวันจันทร์ที่ 27 ธันวาคม 2564 ที่สุสานปูคาเหนือของหมู่บ้าน
นางลำทับ (นามสมมติ) เพื่อนบ้าน อายุ 59 ปี เปิดเผยว่า ช่วงค่ำตนปิดประตูหน้าแล้วจะขึ้นบ้าน แต่ได้ยินเสียงผู้ชายตะโกนว่า "ฆ่าป้าลีแล้ว ๆ" เมื่อชะโงกหน้าไปก็พบนายสุขสรรค์ในสภาพเสื้อผ้าเปื้อนเลือดเต็มตัว พูดย้ำอยู่ที่หน้าบ้านข้าง ๆ ว่า "ฆ่าป้าลีแล้ว" โดยมีอาการร้องไห้เสียใจ และสีหน้าดูเรียบเฉย นาทีนั้นสลดใจมาก ไม่คิดว่าจะเหตุแบบนี้ในหมู่บ้าน สำหรับนายสุขสรรค์ ปกติหากไม่กินเหล้าก็จะเป็นคนดี ถ้ากินเหล้าตนก็ได้ยินเสียงทะเลาะกับพี่สาว แต่ไม่เคยมีเหตุลงไม้ลงมือรุนแรงแบบนี้เลย ส่วนกับชาวบ้านนายสุขสรรค์ก็จะไม่ยุ่ง และไม่เคยก่อเหตุทำร้ายชาวบ้าน
ขณะที่ พ.ต.อ.ณัฐพล จันมะโน ผกก.สภ.สันกำแพง ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า จากการสอบสวนผู้ก่อเหตุทำไปเพราะขอเงินพี่สาวจ่ายค่าประกันแล้วไม่ได้ ประกอบกับมีอาการมึนเมาจึงลงมือก่อเหตุ ซึ่งมีการสอบประวัติแล้วไม่พบประวัติก่อเหตุอาชกรรม และมีประวัติยุ่งยาเสพติด ส่วนก่อนหน้านี้ครอบครัวนี้ก็ไม่เคยมาแจ้งความว่าถูกผู้ต้องหาทำร้ายร่างกาย ซึ่งมองว่าครอบครัวน่าจะรักน้องชายมาก
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา” และคุมตัวส่งศาลจังหวัดเชียงใหม่ฝากขังผลัดแรกในที่ 25 ธ.ค.64