จากกรณีที่คนร้ายใช้อาวุธปืนยิง นายสิทธิชัย หรือ ยักษ์ อายุ 50 ปี โชเฟอร์รถตู้ขณะขับรถตู้กลับกรุงเทพฯ เป็นเหตุให้เสียชีวิต เหตุเกิดบนถนนเส้นทางบางขัน - หนองเสือ หน้าวัดพุทธินวงศ์วนาราม ม.7 ต.คลองหก อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เมื่อเวลา 19.40 น. ของวันที่ 6 ธ.ค. 61 (อ่าน :
เมียโชเฟอร์รถตู้ ช็อก! ผัวไร้อริถูกยิงตาย คาดฝีมือแว้น - เพื่อนเป็นพยาน โต้ปมยาเสพติด)
และหลังจากนั้น ตำรวจชุดสืบสวน ภ.จว.ปทุมธานี ชุดสืบสวน สภ.คลองห้า และชุดสืบสวน สภ.คูคต ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายภาสกร หรือโต้ง อายุ 26 ปี โดยจับกุมได้ที่บ้านพักแห่งหนึ่งใน ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.
วันที่ 10 ธ.ค. 61 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คลองห้า คุมตัวนายภาสกร ผู้ต้องหา ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดย
นายภาสกร ยอมรับว่า ตนรู้สึกโมโห เนื่องจากถูกผู้ตายขับรถปาดหน้าถึง 2 ครั้ง ทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ จึงหยิบปืนที่พกติดตัวไว้ยิงใส่ผู้ตาย 2 นัด โดยนัดแรกถูกตัวผู้เสียชีวิต ส่วนนัดที่สองที่ยิงออกไปถูกประตูรถของตัวเอง หลังยิงเสร็จก็ขับรถออกไปทันที แต่ทราบว่ารถของผู้เสียชีวิตเสียหลักลงข้างทาง
ด้าน
พลตำรวจตรีธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เปิดเผยว่า จากการสอบสวน ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ก่อเหตุดังกล่าวจริง โดยมีสาเหตุมาจากขับรถปาดหน้ากัน ทำให้ผู้ต้องหาเกิดบันดาลโทสะและไม่พอใจ ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียชีวิต 2 นัด
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่น มีกระสุนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพร้อมควบคุมตัวผู้ต้องหาไปดำเนินคดีตามกฎหมาย และพบว่า ผู้ต้องหามีการซ้อมยิงปืนอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากการตรวจค้นบ้านของผู้ต้องหา พบเป้าซ้อมยิงปืนเป็นจำนวนมาก
ต่อมา ที่วัดโคกกระต่าย อ.วิหารแดง จ.สระบุรี ระหว่างพิธีฌาปนกิจศพ นายสิทธิชัย ชอบธรรม คนขับรถตู้ที่ถูกประกบยิงเสียชีวิต บรรยากาศเป็นไปอย่างโศกเศร้า ญาติพี่น้อง และเพื่อนบ้านเดินทางมาร่วมไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้าย
โดย
นางนาฏอนงค์ ชอบธรรม ภรรยาของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตนและสามีอยู่กินด้วยกันมานาน มีลูกชายด้วยกันเพียงคนเดียว เรียนอยู่เพียงชั้น ม.2 หลังสูญเสียสามีไป ตนก็ยังคิดไม่ออกว่าหลังจากนี้จะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร ตนสูญเสียคนที่เป็นเสาหลักและที่พึ่งของครอบครัว เป็นทุกอย่างของภรรยาและลูกชาย
เรื่องนี้อาจเกิดจากความคึกคะนองของผู้ต้องหา สามีตนตายไปแล้ว เขาจะพูดอะไรก็ได้ แต่ตนยืนยันว่า สามีไม่ใช่คนขับรถเร็ว หลังจากนี้ ตนต้องการให้ผู้ต้องหาได้รับโทษถึงที่สุด ให้สาสมกับสิ่งที่เขาทำ แต่คงทดแทนกับความสูญเสียของตนไม่ได้ เพราะไม่มีทางเอาชีวิตสามีกลับมา
สุดท้าย ตนต้องการบอกสามีว่า เขาเป็นสามีที่ดีที่สุด ดูแลลูกและครอบครัวทุกคนอย่างดีมาตลอด ไม่เคยปล่อยให้ลูกและภรรยาลำบาก ยอมลำบากเองคนเดียว โดยไม่เคยคิดถึงความอยากได้ของตัวเอง
นอกจากนี้ หลังเกิดเหตุ ลูกชายของตน มีสภาพจิตใจที่ย่ำแย่ และกลายเป็นคนไม่ค่อยพูด เนื่องจากปกติลูกชายจะสนิทกับพ่อ มีอะไรจะคุยกันตลอด ก่อนเกิดเหตุเพียง 1 วัน (5 ธ.ค.) ลูกชายเพิ่งเข้าไปกราบและกอดพ่อ เนื่องในวันพ่อแห่งชาติ ซึ่งกลายเป็นกอดสุดท้ายในชีวิต