เหยื่อเปิดนาทีรอดตายเครนถล่มทับบ้าน น้องคนตายเศร้าเห็นร่างพี่แหลก แจงเหตุฐานยึดไม่แน่น (คลิป)

เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.64 เวลา 11.15 น. เจ้าหน้าที่รับแจ้งมีเครนล้มทับบ้านเรือนประชาชน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย และผู้เสียชีวิต 1 ราย ซึ่งเหตุเกิดใกล้เคียงธนาคาร ธกส.เก่า ถนนรัตนราช ในพื้นที่รับผิดชอบ สภ.บางบ่อ ต่อมาทราบชื่อผู้เสียชีวิต นายเฉลิม จำนงค์ อายุ 48 ปี วินจักรยานยนต์รับจ้าง ส่วนผู้บาดเจ็บ 2 รายทราบชื่อ น.ส.พิยะดา คิอินธิ อายุ 22 ปี และนายเอี่ยม กันธิยา อายุ 24 ปี เป็นแฟนกันพักอยู่ห้องหมายเลข 13

ล่าสุดทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุห้องเช่าไม่มีชื่อ ชั้นเดียวเป็นห้องติดกัน จำนวน 15 ห้อง พบเครนขนาดใหญ่ล้มทับห้องที่ 13 และ 14 พังได้รับความเสียหาย บริเวณพื้นหน้าห้อง 14 มีหลุมยุบลงไปเกือบ 1 เมตร มีแผ่นปูนถ่วงน้ำหนักเครน จำนวน 3 แท่งอยู่บริเวณดังกล่าว โดยมีเลือดและเศษชิ้นเนื้อของผู้เสียชีวิตกระจายโดยรอบ เนื่องจากนายเฉลิม ถูกแผ่นปูนทับจนเป็นเหตุให้เสียชีวิต

นายเอี่ยม ผู้บาดเจ็บมีแผลถลอกที่ศีรษะ คอ แขนและขาซ้าย เล่าให้ฟังว่า ช่วงก่อนเกิดเหตุตนกับแฟนกำลังนอนอยู่ในบ้าน จู่ ๆ ก็มีเสียงคล้ายบ้านลั่น และเสียงดังโครม โดยมีเศษปูนและฝ้าตกลงมา จึงรีบปลุกแฟนและวิ่งออกจากห้องทันที เมื่อออกมาถึงพบว่าเครนขนาดใหญ่ที่ทำงานก่อสร้างอาคารอยู่หลังห้อง ถล่มลงมาทับห้องของตัวเองและห้องหมายเลข 14 พังราบได้รับความเสียหาย

ด้านน.ส.พิยะดา มีแผลถลอกที่เข่าขวา ขาขวา และศีรษะแตก กล่าวเสริมว่า ในช่วงเกิดเหตุตนนอนหลับไปแล้ว แต่แฟนหนุ่มปลุกขึ้นมา พร้อมกับเศษฝ้าและเศษหลังคาที่ตกลงมาจึงรีบวิ่งออกมาข้างนอก เมื่อวิ่งออกมาก็พบว่าเครนล้มลงมาทับห้องพังเละ และเห็นเพื่อนบ้านต่างวิ่งกันอย่างชุลมุน พร้อมกับตะโกนเรียกชื่อกันเพื่อเช็กจำนวนคน จคงทราบภายหลังว่านายเฉลิม ซึ่งอยู่ห้องหมายเลข 15 ถูกแผ่นปูนทับเสียชีวิต โดยตนยังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก ตอนนี้ยังรู้สึกผวา ซึ่งคืนนี้จะต้องไปนอนที่อื่นก่อน เพราะห้องพังเสียหาย

นางสาวลัคนา แซ่โค้ว อายุ 50 ปี ซึ่งพักอาศัยอยู่ในห้องหมายเลข 14 กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุตนอยู่กับลูกสาววัย 11 ขวบ โดยขณะที่ตนเข้าห้องน้ำก็ได้ยินเสียงเครื่องจักรที่กำลังก่อสร้างอยู่หลังห้องเสียงดังมาก เมื่อตนเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำ จู่ ๆ ก็มีเสียงดังสนั่น ลักษณะมีบางอย่างตกลงมาใส่ห้องของตนจนพังเสียหาย ฝุ่นตลบ แต่ตนไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ และรีบเรียกหาลูกสาว โดยลูกตอบกลับมาว่า "อยู่นี่ ๆ" เมื่อหันไปดูพบว่าลูกอยู่หลังตู้ข้างห้องน้ำ ซึ่งก็คาดว่าแรงอัดทำให้ตู้เอียงไปพิงกับผนังบังตัวลูกสาวเอาไว้พอดี ทำให้ไม่ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน

"ตอนนี้ยังผวากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง วันนี้ได้เข้ามาเก็บเสื้อผ้าบางส่วน เพื่อนำออกไปอยู่ข้างนอกก่อนในคืนนี้ ซึ่งทางเจ้าของห้องเช่าได้จัดเตรียมไว้ให้ ส่วนตัวคิดว่าหลังจากนี้อาจต้องย้ายออก เพราะกลัวจะเกิดเหตุซ้ำอีก" ผู้อาศัยในห้องเช่าที่เกิดเหตุ กล่าวให้ฟัง  

นายบอย ชาวเวียดนาม ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของนายเฉลิม ได้นำข้าวกล่องและน้ำดื่มมาวางเซ่นไหว้ พร้อมทั้งจุดธูปเรียกนายเฉลิมมาทานข้าว เปิดเผยว่า ตนเป็นเพื่อนข้างห้องที่พักอาศัยห้องเช่าเดียวกัน ขณะเกิดเหตุก็พักอยู่ในห้องด้วยเช่นกัน ตนยอมรับว่าตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งหลังเสียงสงบตนวิ่งออกมาดูนอกห้อง พบว่ามีเครนถล่มลงมาและพบอวัยวะไส้และหัวใจของมนุษย์กระจายตามพื้นจำนวนมาก รวมถึงสมองและคราบเลือดเต็มพื้นไปหมด

ทั้งนี้ ตนจึงตัดสินใจวิ่งหนีออกมาด้วยความกลัว ซึ่งขณะนั้นคิดว่าเป็นคนขับเครน แต่ภายหลังทราบว่าผู้ตายคือนายเฉลิม ที่ออกไปซื้อส้มตำเพื่อกลับไปทาน แต่ไม่ทันได้ทาน ตนจึงซื้อข้าวกล่องพร้อมน้ำดื่มมาไหว้ตามความเชื่อ

นายชัย อายุ 32 ปี ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าให้ฟังว่า ก่อนเกิดเหตุตนเห็นนายเฉลิม ผู้เสียชีวิต ซึ่งมีอาชีพขี่วินรถจักรยานยนต์รับจ้าง เดินออกมาซื้อส้มตำหน้าปากซอย ก่อนจะเดินกลับเข้าไปที่ห้องตัวเอง จังหวะนั้นตนเห็นเครนก่อสร้างหลังห้องเช่าพังถล่มลงมาต่อหน้าต่อตา โดยตนไม่เห็นจังหวะที่เครนทับนายเฉลิม ยังคิดว่าเขาอาจจะวิ่งหนีหนีทัน

แต่เมื่อเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ พบมีชิ้นส่วนอวัยวะมนุษย์กระจายบริเวณหน้าห้องหมายเลข 14 ขณะนั้นยังไม่มั่นใจว่าผู้เสียชีวิตคือใคร กระทั่งช่วยกันเรียกหานายเฉลิมแต่ไม่พบ จึงมั่นใจว่าผู้เสียชีวิตคือนายเฉลิม ทั้งนี้ นายเฉลิม อาศัยอยู่ห้องหมายเลข 15 ช่วงเกิดเหตุคาดว่ากำลังเดินกลับกำลังจะถึงห้อง แต่เครนถล่มลงมาก่อน ทำให้ทับร่างจนเสียชีวิต

นายวันรบ จำนงค์ อายุ 41 ปี น้องชายผู้เสียชีวิต เดินทางมาที่เกิดเหตุในเวลา 16.00 น. โดยได้เดินไปที่หลุมจุดที่นายเฉลิมเสียชีวิต พร้อมกับร้องไห้ กล่าวว่า ปกติพี่ชายอาศัยอยู่ที่ห้องเช่าคนเดียว ก่อนหน้านี้พี่ชายป่วยเป็นโรคไต กลับไปรักษาตัวที่บ้าน และเพิ่งกลับมาทำงานได้ประมาณ 1 ปี โดยตนไม่ค่อยได้คุยกับพี่ชายเพราะต้องทำงานทุกวัน แต่พี่ชายจะโทรศัพท์คุยกับแม่ตลอด

จากนั้นเวลา 13.00 น. ในวันเกิดเหตุเพื่อนพี่ชายโทรศัพท์ไปบอกว่าพี่เสียชีวิตแล้ว ตนตกใจทำอะไรไม่ถูก ต้องใช้น้ำเย็นลูบหน้าตั้งสติ ก่อนขับรถมาที่เกิดเหตุ เมื่อมาเห็นที่เกิดเหตุก็ทำใจไม่ได้ เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คาดว่าช่วงเกิดพี่ชายคงไม่ทันตั้งตัว ทั้งนี้ ตนได้พูดคุยกับตัวแทนบริษัทรับเหมาก่อสร้างแล้ว เขายืนยันว่าจะรับผิดชอบทั้งหมด แต่ตนก็อยากให้การก่อสร้างต่าง ๆ โดยเฉพาะในเขตชุมชน มีการดูแลป้องกันที่ดีกว่านี้ และขอให้ศพของพี่ชายตนเป็นศพสุดท้าย

จากนั้นทีมข่าวได้พูดคุยกับนายชาลี สิทธิเมียงขวา อายุ 55 ปี คนขับเครน เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุเพื่อนอีกคนขึ้นไปขับเครน ส่วนตนอยู่ด้านล่าง โดยมีการทำงานยกแท่นปูนขึ้นไปชั้น 2 ขณะที่เพื่อนของตนกำลังขับเครน จู่ ๆ เครนก็ล้มหงายไปด้านหลัง ซึ่งเป็นห้องเช่าอยู่ติดกับจุดก่อสร้าง เพื่อนที่ขับเครนได้รับบาดเจ็บเข้าโรงพยาบาล ส่วนสาเหตุคาดว่า เกิดจากฐานด้านล่างซึ่งมีการตอกเสาเข็มและหล่อปูนเพื่อวางเครนไม่แข็งแรง และเกิดทรุดทำให้เครนถล่มดังกล่าว

ทั้งนี้ นายชาลี พาทีมข่าวไปดูจุดที่เป็นฐานของเครน ซึ่งหล่อด้วยปูนหนากว่า 2 เมตร โดยฐานดังกล่าวพลิกตะแคงทำให้เครนล้มไปด้านหลัง ขณะที่พนักงานจากบริษัทรับเหมาก่อสร้างได้เข้ามาทำการรื้อถอนเครนที่เกิดเหตุ โดยมีการจุดธูปที่บริเวณหลุมจุดพบศพ เพื่อขอขมาผู้เสียชีวิต