ล่าโจรหื่นโผล่ขืนใจแม่เฒ่า ซ้อมน่วม ขู่ไม่เสร็จกิจฆ่าทิ้ง คนแก่ผวาพกมีดนอน (คลิป)

30 พ.ย. 61
จากกรณีที่มีชาวบ้านในพื้นที่ ต.วังโบสถ์ อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ ถูกคนร้ายเป็นชายรูปร่างกำยำ ใช้มีดจี้คอยายวัย 70 และก่อนหน้านี้ เคยมีเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นในพื้นที่ สภ.นาเฉลียง และยังไม่สามารถจับคนร้ายได้ (อ่าน : แม่เฒ่าผวายกหมู่บ้าน ปล่อยโฮแฉโจรหื่นปล้ำถี่ ตร.รับจับยาก ล่า 2 ปี ไร้แวว)
นางลี นามสมมติ ผู้เสียหาย
วันที่ 29 พ.ย. 61 นางลี นามสมมติ อายุ 56 ปี ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นกับตน เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 60 เวลาประมาณ 16.00 น. ระหว่างที่ตนกำลังทำไร่ข้าวโพด สังเกตเห็นผู้ชายลักษณะท้วม กำยำ ผิวสีดำแดง ใส่เสื้อคอกลม และโพกผ้าปิดปากปิดบังใบหน้าเอาไว้ เข้ามาจูงจักรยานของตนเข้าไปไว้ที่ห้างนา ตนจึงเดินไปดูที่รถจักรยานของตัวเอง ปรากฏว่ามีดที่ตนพกมาด้วยหายไป จากนั้นตนจึงเดินไปตักน้ำ ระหว่างที่ตนก้มตัวเทน้ำ คนร้ายก็วิ่งเข้ามาล็อกคอ และเอามีดมาจี้ที่คอทันที แล้วถามว่า “มึงเอาเงินมาไหม”  ขณะนั้นตนโกหกไปว่าไม่ได้เอาเงินมา คนร้ายจึงบอกให้ตนจูงจักรยานเข้าไปหลบข้างใน พร้อมขู่ว่า หากไม่ทำจะฆ่าทิ้ง
ภาพจำลองเหตุการณ์ ขณะเกิดเหตุ
จากนั้นคนร้ายบอกให้ตนถอดเสื้อผ้า แต่ตนไม่ยอมจึงถูกทำร้าย ด้วยการตบหน้า ตีเข่าใส่ท้อง 2 ครั้ง และตบอีก จากนั้นก็ชกท้อง 3 ครั้ง ตนจึงยอมทำตามที่คนร้ายต้องการ จากนั้นคนร้ายจึงบอกว่า “มึงมาทำให้กู ถ้ากูไม่เสร็จ กูจะฆ่าให้ตาย กูไม่ปล่อยมึงไว้นะ มึงต้องทำ มึงอยากตายหรือมึงอยากอยู่ มึงยังอยากอยู่กับลูกกับผัวมึงไหม” จนสุดท้ายตนก็ต้องยอมสำเร็จความใคร่ด้วยปากให้คนร้าย ซึ่งขณะนั้นตนรู้สึกอยากอ้วก คอแข็ง แต่ก็ต้องจำใจยอมทำ เมื่อเสร็จกิจ แล้วคนร้ายจึงสั่งให้ตนใส่เสื้อผ้า และหยิบกระเป๋าเงินของตนไปดู แล้วขโมยเงินไป 1,000 บาท และเอาซิมโทรศัพท์ออกไว้จากมือถือด้วย เนื่องจากกลัวว่า ตนจะโทรหาคนมาช่วย นางลี กล่าวอีกว่า ตนไม่มั่นใจว่า จะเป็นคนในชุมชนหรือไม่ เนื่องจากคนร้ายใส่ผ้าปิดบังใบหน้าขณะก่อเหตุ ซึ่งหากตนเจอตัวคนร้ายก็อยากที่จะฆ่าทิ้งเสีย เพราะเป็นภัยกับสังคม เพราะหลังเกิดเรื่อง กลางคืนตนก็นอนไม่หลับ กินไม่ได้ 3 เดือน ไปไหนมาไหนก็ต้องพกมีดติดตัวอยู่ตลอดเวลา เวลาอาบน้ำหรือเวลานอนก็ต้องพก ไม่กล้าไปไหนคนเดียว ไม่กล้ากลับไปที่นาอีกเลย เวลาไปไหนมาไหนก็ต้องมีคนไปด้วย อย่างไรก็ตาม นางลี บอกว่า อยากให้ตำรวจจับตัวคนร้ายให้ได้โดยเร็ว เพราะว่าตนเองก็อยากรู้ว่าคนร้ายที่มันกับตนได้ถึงขนาดนี้ มันเป็นใคร
นายชา (นามสมมติ) สามีของนางลี
จากนั้น นายชา (นามสมมติ) สามีของนางลี บอกว่า ในวันเกิดเหตุตนไม่ได้ไปที่ไร่กับนางลี เพราะวันดังกล่าวฝนตก ซึ่งตนก็แปลกใจว่า เหตุใดภรรยาจึงไม่กลับมาเสียที เมื่อกลับมาบ้าน นางลีก็มาบอกตนว่า “โดนโจรล็อกคอ” เมื่อถามว่าแค้นไหมก็แค้น หากเจอตัวก็ค่อยว่ากัน ตนก็ไม่คิดว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะมาเกิดขึ้นกับครอบครัวของตัวเอง นายชา ยังบอกอีกว่า ภรรยาของตนช่วงแรกนอนซม ทำใจไม่ได้ ตนต้องคอยปลอบว่าไม่เป็นไร คิดเสียว่าเป็นเวรเป็นกรรมที่ทำกันมา มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ อยากจะบอกภรรยาว่า ยังรักเหมือนเดิม อยากให้สุขภาพแข็งแรง ไม่ต้องคิดมากเรื่องที่ผ่านมาแล้ว
ภาพสเก็ตช์ ของคนร้าย
นอกจากนี้ แม้เวลาจะผ่านมาเป็นปี ตนก็ไม่เห็นวี่แววทางคดีเลย ถามตำรวจก็บอกว่าทำงานอยู่ สืบอยู่ ตนจึงขอวิงวอน อยากให้เจ้าหน้าที่จับให้ได้ เพราะผู้หญิงในชุมชนก็ไม่กล้าออกไปไหน ต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจให้จับคนร้ายได้โดยเร็ว
นางชู (นามสมมติ) ชาวบ้านชุมชนบ้านโคกสง่า
จากนั้น นางชู (นามสมมติ) คนในชุมชนบ้านโคกสง่า กล่าวว่า เมื่อช่วงเดือน พ.ย. 60 หลังจากเกิดเรื่องของนางลีได้ไม่นาน ตนก็ประสบเหตุการณ์ดังกล่าวด้วยเช่นกัน โดยในวันเกิดเหตุ ตนกับลูกชายวัย 10 ขวบ ขับรถจักรยานยนต์ ที่ถนนทางเข้าหมู่บ้าน ปรากฏว่า มีผู้ชาย ร่างกำยำ ผิวสีดำ ขับรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ สีดำแดง ล้อแต่งเป็นล้อวิบาก ขับตามตนมา จากนั้นจึงขับแซงและปาดหน้า พร้อมกวักมือเรียก แต่ขณะนั้นตนกลัวมาก จึงขับรถหนี พบว่า คนร้ายใส่หมวกไอ่โม่งปิดบังใบหน้าเหลือแต่ลูกตา ใส่เสื้อคอกลมสีดำ และใส่เสื้อคลุมลายทหาร และคนร้ายได้ตะโกนไล่หลังมาว่า “กูให้จอดทำไมมึงไม่จอด” เมื่อตนเห็นท่าไม่ดี จึงรีบบิดรถจักรยานยนต์หลบหนี ซึ่งขณะนั้น คนร้ายก็ขับรถตามมาแบบกระชั้นชิด ตนรีบขับเข้าเขตชุมชน เห็นปั๊มน้ำมัน ตนจึงชะลอ ทำทีเหมือนว่าจะเข้าไปในปั๊ม จากนั้นคนร้ายเห็นว่าในปั๊มมีคนอยู่ จึงขับรถหลบหนีไป นางชู กล่าวอีกว่า หลังจากเหตุการณ์ผ่านมาแล้ว ตนกลัวเป็นอย่างมาก ไม่กล้าไปไหนมาไหนคนเดียวเลย ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะมาเจอ ตอนนี้กลายเป็นคนวิตก เวลาเจอคนแปลกหน้ามาชะลอรถใกล้ๆ ไม่รู้ว่าเป็นคนดีหรือไม่ ก็จะไม่จอดแล้วขับรถหนีโดยทันที ทั้งนี้ ตนต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหาตัวคนร้ายให้เจอ เพราะขณะนี้คนร้ายไม่ได้ก่อเหตุแค่ในนาแล้ว แต่คืบเข้ามาใกล้กับชุมชนเรื่อย ๆ นอกจากนี้ หากเด็กนักเรียนผู้หญิงขับรถผ่านไปผ่านมา คนเดียวก็อาจเกิดอันตรายได้

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ