ยายช็อกไอ้หื่นปีนบ้านอุ้มขืนใจใต้ต้นมะม่วง ลูก - หลานรับประมาทไม่ล็อกบ้าน (คลิป)

กรณีตำรวจพื้นที่ สภ.กันทรลักษ์ รับแจ้งเหตุ ยายอายุ 83 ปี เป็นผู้ป่วยนอนอยู่ในบ้านเพียงลำพัง ได้ถูกคนร้ายอุ้มไปข่มขืนแล้วทิ้งยายไว้ที่ต้นมะม่วงบริเวณข้างบ้าน จนกระทั่งมีน้องสาววัย 63 ปี และชาวบ้านมาเจอจึงรีบนำตัวยายไปส่งยัง รพ.กันทรลักษ์ ยายเล่าให้ลูกหลานฟังว่ามีชายแปลกหน้าเข้ามาในความมืด ตะโกนถาม "มีใครอยู่บ้าง อยู่คนเดียวไหม" ยายตอบว่าอยู่คนเดียว จึงถูกชายปริศนาอุ้มออกจากที่นอนไปใต้ต้นมะม่วงข้างบ้าน

วันที่ 22 พ.ย. 64 ทีมข่าวเดินทางลงพื้นที่ไปยัง หมู่ 11 บ้านกอก ต.กระแชง อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เป็นบ้านที่เกิดเหตุ พบว่าหลังจากในคืนวันเกิดเหตุ วันที่ 13 พ.ย. มีญาติพี่น้องของครอบครัวยายผู้เสียหายติดโควิด-19 จึงทำให้ครอบครัวของยายวัย 83 ปี ต้องถูกกักตัว และมีการปิดกั้นพื้นที่บริเวณบ้านเพื่อรอผลเชื้อ 14 วัน ยเบื้องต้นทางครอบครัวได้ถูกกักตัวไปแล้ว 12 วัน แต่คนในบ้านยังไม่ติดเชื้อ

ทีมข่าวจึงได้มีการสำรวจบ้านที่เกิดเหตุผ่านรั้วนอกบ้าน ภายในตัวบ้านเป็นบ้านปูนชั้นเดียว ด้านนอกต่อเติมเป็นลักษณะกรงเหล็ก เปิดโล่ง และมีแค่ไม้ 2 อันวางอยู่ ซึ่งเป็นแคร่ไม้ใช้นอนของนางสั้นอายุ 83 ปี ผู้เสียหาย และแค่ร่ของนางปี อายุ 63 ปี น้องสาวผู้เสียหาย โดยปกติก็จะนอนกันอยู่บริเวณจุดที่มีการต่อเติม ใช้มุ้งกาง บริเวณรอบบ้านไม่ได้มีไฟสองสว่าง ต้นมะม่วงอยู่บริเวณฝั่งซ้ายของบ้าน ห่างจากตัวบ้านเพียง 5 เมตร

วันนี้ยายผู้เสียหายยังคงนอนอยู่ภายในตัวบ้าน ใส่เสื้อกระเช้า ผ้าถุง ชุดเดิมที่เคยใส่ในคืนวันเกิดเหตุ น้องสาวยายได้มีการนำผ้าอ้อมมาสวมใส่ให้ยายเอาไว้ ซึ่งหลังเกิดเหตุครอบครัวห่วงกลัวว่าคนร้ายจะกลับมาก่อเหตุซ้ำ และดูแลอย่างใกล้ชิด

นางปี น้องสาวของยาย เปิดใจเล่าว่า ในคืนวันที่ 13 พ.ย. นางสั้นอยู่บ้านเพียงลำพังทามกลางความมืด ไม่ได้ปิดประตูบ้าน ทิ้งให้นอนอยู่บนแคร่ไม้ กางมุ้งเอาไว้ ตนเองบอกกับยายว่าจะไปทำบุญกฐินที่วัด ตนเองสวดมนต์กับกลุ่มชาวบ้านเสร็จจึงได้เดินทางกลับมาบ้านทันที เมื่อมาถึงจึงเปิดไฟแต่ไม่พบตัวยาย มีเพียงผ้าถุงตกอยู่ใกล้แคร่ไม้ และผ้าห่มก็ตกอยู่ใกล้กัน เดินตามหากลัวว่าจะตกจากแคร่ ไปบอกหลานชายมาช่วยตามหาต้องใช้ไฟส่องหา แต่ก็ไม่เจอ จนกระทั่งได้ยินเสียงคล้ายคนเหยียบใบตองใบไม้จึงตามไปพบอยู่ใต้ต้นมะม่วง มีเพียงเสื้อคอกระเช้า ไม่มีผ้าถุง ลักษณะท่องล่างเปลือย อยู่ในอาการตัวสั่น หวาดกลัว หลังจากตนเองทราบเรื่องจึงได้พาไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล ก่อนที่จะแจ้งความในเวลาต่อมา

ตัวเองยอมรับว่ารู้สึกผิดที่ปล่อยให้ยายอยู่คนเดียว ถ้าหากตัวเองไม่ปล่อยทิ้งเอาไว้เพียงลำพัง ไม่มีการปิดไฟในบ้าน ก็คงจะไม่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ถ้าหากย้อนกลับไปก่อนที่ตนเองจะไปทำบุญที่วัด มีการทะเลาะกันเล็กน้อย ยายอแงไม่ยอมให้ตัวเองไปวัด มองว่าเป็นการขัดการทำบุญใหญ่ จึงได้โมโหเดินไปปิดไฟในบ้านจนมืด เปิดประตูเหล็กทิ้งเอาไว้ พูดด้วยความโมโหว่า "ขอให้มีผีบ้ามาข่มขืนเจ้า" ก็ไม่คิดว่าคำพูดดังกล่าวจะกลายเป็นจริง ส่วนตัวตั้งข้อสังเกตว่าหรือเป็นเพราะในคืนวันดังกล่าวยายเห็นคนแปลกหน้ามาด้อม ๆ มอง ๆ อยู่ก่อนหรือไม่ จึงเกิดอาการกลัวและไม่อยากอยู่คนเดียว

ตนยืนยันว่าเจ้าตัวไม่สามารถที่จะเดินไปไกลได้ถึงใต้ต้นมะม่วง เพราะส่วนใหญ่จะคานหรือชันเข่าได้แค่รอบบ้านเท่านั้น ฉะนั้นจึงเชื่อว่าเหตุการณ์นี้มีคนอุ้มไป ส่วนตัวก็ยังคาดเดาไม่ได้ว่าคนก่อเหตุเป็นใคร เนื่องจากทุกครั้งที่มีการสอบถามยายมักจะพูดไม่เหมือนเดิม แต่ถ้าหากมีคนร้ายว่าทำกับยาย ตนเองก็ขอให้ได้รับโทษได้รับเวรกรรมที่ทำกับคนแก่ เป็นการกระทำที่รับไม่ได้ถือว่าเลวมาก

นายกาแฟ (นามสมมติ) หลานชายผู้เสียหาย เปิดใจว่า ในคืนวันดังกล่าวยอมรับว่าชาวบ้านส่วนใหญ่พากันไปทำบุญกฐินอยู่ที่วัด ซึ่งไม่ค่อยมีใครอยู่ในหมู่บ้าน ทุกคนอยู่ร่วมงานบุญกฐินจนกระทั่งเวลา 20.00 น. มีน้องสาวของยายบอกเพื่อนบ้านพร้อมกับลูกหลาน ให้ไปช่วยกันตามหา เนื่องจากหายตัวไปจากบ้าน ทุกคนได้ใช้ไฟส่องกบพร้อมทั้งแฟลชมือถือช่วยกันตามหาบริเวณรอบบ้าน แต่เน้นหนักไปที่บริเวณโซนหลังบ้าน แต่ก็ไม่เจอเบาะแส เพราะคืนวันอันกล่าวค่อนข้างที่จะมืด ไม่มีไฟส่องสว่างรอบบ้าน

ตอนนั้นตนเองได้ยินเสียงคล้ายคนคลาน และเหมือนเหยียบใบไม้ใบตองแห้ง จึงได้ใช้ไฟส่องไปตามต้นเสียง ก็พบว่ายายวัย 83 ปีนั่งอยู่ใต้ต้นมะม่วง ลักษณะไม่ได้ใส่กางเกง ตอนนั้นพยามถามยายว่ามาได้อย่างไร เจ้าตัวก็สื่อสารไม่ค่อยรู้เรื่องเพราะอายุมาก ได้แต่อืออา ทุกคนจึงได้อุ้มยายกลับไปที่แคร่ในบ้าน และพยายามถามข้อเท็จจริง จนกระทั่งทราบว่ามีชายแปลกหน้าพายายออกไป จากนั้นจึงได้รีบพาตัวส่งโรงพยาบาล พร้อมกับแจ้งตำรวจในเวลาต่อมา

ส่วนตัวยังนึกไม่ออกว่าผู้ต้องสงสัยในคดีนี้คือใคร เพราะส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เห็นมีคนแปลกหน้าเข้ามาในพื้นที่ ไม่มีใครหายไปจากหมู่บ้าน ทั้งนี้ตนเองรอผลตรวจจากทางโรงพยาบาลยืนยันก่อนว่ามีการกระทำต่อยายหรือไม่ หากทราบว่ามีการกระทำ พบหลักฐานเพิ่มเติมจึงจะชี้ชัดได้ว่าคนร้ายเป็นใคร แต่ในตอนนี้ก็ยังนึกไม่ออก อย่างไรก็ตาม ตนเองก็อยากจะให้ได้รับเวรกรรมที่ทำกับคนแก่ อยากให้ถูกจับโดยเร็ว

ด้านนายทองพูน โคตรชัย อายุ 55 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 11 บ้านกอก ต.กระแชง อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเหตุได้รับแจ้งจากทางน้องสาวของยาย ตนเองก็ได้เข้าไปพูดคุย ในตอนนั้นยายมีอาการสั่นและหวาดกลัว แต่ด้วยอายุของยายที่มากถึง 83 ปี พูดวกไปวนมา สื่อสารไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่พอจับใจความได้ว่ามีชายปริศนาลักษณะคล้ายคนเมาตะโกนเรียกที่หน้าบ้าน ก่อนที่จะอุ้มยายออกไปที่ใต้ต้นมะม่วง ยายจำรูปร่างของคนก่อเหตุไม่ได้ เพราะเนื่องจากบ้านปิดไฟมืด

เบื้องต้นตนเองในฐานะฝ่ายปกครองของพื้นที่ได้มีการทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนของจังหวัด ติดตามและเฝ้าสังเกตการณ์กลุ่มผู้ต้องสงสัย ซึ่งเน้นไปที่กลุ่มดื่มเหล้า และกลุ่มที่ใช้ยาเสพติด ยังไม่พบความผิดปกติจากกลุ่มคนเหล่านั้น จึงต้องรอผลตรวจจากทางโรงพยาบาลยืนยันก่อนว่ามีการกระทำจริงจึงจะบูรณาการข้อมูลเรียกผู้ต้องสงสัยเข้าตรวจสอบ เบื้องต้นได้มีการเข้าพูดคุยบ้างบางส่วนแล้ว แต่ยังไม่พบความผิดปกติ ทั้งนี้ ตนเองยังไม่ขอฟันธงว่าในคดีนี้มีคนร้ายหรือยายไปเอง เพราะความแก่อาจจะหลงลืม

ขณะที่ความคืบหน้าทางคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการรอผลตรวจร่างกายของยาย เพื่อยืนยันว่ามีการกระทำเกิดขึ้นจริงหรือไม่ เพราะถ้าหากไม่มีการจะทำก็อาจจะเชื่อมโยงหาตัวคนร้ายไม่ได้ เนื่องจากที่เกิดเหตุคนร้ายไม่ได้ทิ้งหลักฐานอะไรเอาไว้ ทั้งนี้การสอบปากคำยายค่อนข้างเป็นอุปสรรค เนื่องจากอายุมาก ความจำไม่ได้ปกติ ทำให้ต้องใช้ระยะเวลาในการพูดคุยนาน และเวลาที่สอบปากคำแต่ละครั้งมีการพูดวกไปวนมา