จากกรณีวันที่ 19 พฤศจิกายน 2564 เวลา 13.30 น. เกิดเหตุเสี่ยรุ่นใหญ่วัย 64 ปี ทราบชื่อนายกิตติภูมิ ศิริวัฒน์ ใช้ปืนดัดแปลงแบงค์ยิง สาววัย 21 ปี ทราบชื่อนางสาวดนัยพร นักศึกษาชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดัง ด้วยกระสุน .380 ทั้งหมด 3 นัด โดนหน้าอกฝั่งซ้าย 2 นัด และบริเวณเอวด้านซ้าย 1 นัดทะลุด้านหลัง จนเสียชีวิตในลักษณะนอนหงาย คาดเบลท์ สวมเสื้อสีกรมแขนยาว กางเกงยีนส์ขายาว มีแมสก์อยู่ที่บริเวณคาง คาเบาะข้างคนขับในรถเก๋ง ที่ทั้งคู่มาจอดอยู่ในพื้นที่บริเวณหน้าห้องน้ำของปั๊มบางจาก ถ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี จุดเกิดเหตุ
วันที่ 20 พฤศจิกายน 2564 ช่างค่ำที่บ้าน ม.2 ต.คอโค อ.เมือง จ.สุรินทร์ บ้านเกิดของนางสาวดนัยพร หรือ น้องแตงกวา อายุ 22 ปี คนตาย ญาติได้รับศพเดินทางกลับมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้านใน ต.คอโค บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า
ทันทีที่ นำร่างของนางสาวดนัยพรมาถึงบ้าน ผู้เฒ่าผู้แก่หมู่บ้านได้ทำพิธีเปิดทางบอกกล่าวเจ้าที่เข้าทาง เพื่อนำร่างของคนตายกลับมาตั้งบำเพ็ญกุศลศพ แม่ของคนตายเดินทางมาพร้อมรถนำส่ง หลังลงจากรถต่างอยู่ในอาการร้องไห้เสียใจตลอดเวลา และยังมีการกอดชุดที่เคยสวมใส่ของคนตายเอาไว้ตลอดเวลา
นายสมศักดิ์ ระสีวงษา อายุ 57 ปี ลุงของคนตาย เปิดเผยว่า ตนเองคาดไม่ถึงว่าหลานสาวจะตกอยู่ในชะตากรรมแบบนี้ เพราะที่ผ่านมาก็ไม่คิดว่าจะมีเหตุการณ์ถูกยิง และโดยเฉพาะมือยิงครอบครัวหรือฝั่งที่อยู่ทางบ้านในจังหวัดสุรินทร์ ก็ไม่มีใครรู้จัก และไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีการคบหากัน ทุกครั้งที่หลานสาวกลับมาที่บ้านก็ไม่เคยพาแฟน หรือมาพูดถึงเรื่องคนที่กำลังพูดคุยด้วย เนื่องจากหลานสาวพูดถึงแต่เรื่องอนาคตที่กำลังจะจบการศึกษาในชั้นปีที่ 4 ซึ่งหากเรียนจบก็จะมีเงินให้คนในครอบครัว พ่อแม่ญาติพี่น้องใช้ โดยทุกคนจะต้องไม่ลำบากอีกแล้ว แต่ความฝันและสิ่งที่หลานสาวพูดเอาไว้ก็จบลง เพราะยังเรียนไม่จบแต่ต้องเสียชีวิตลงก่อน
โดยล่าสุดหลังจากที่นายกิตติภูมิถูกจับ และฝากครั้งแล้วนั้น ตนเองก็อยากจะให้รับโทษไปตามกฎหมาย ได้รับโทษสูงสุด ก่อนที่จะมีการนำตัวนายกิตติภูมิ ฝากขังต่อศาล โดยเจ้าตัวฝากขออโหสิกรรมมายังครอบครัว และบอกว่าหลังจากที่ผลโทษจะขอบวชให้กับนางสาวดนัยพรนั้น ในฐานะลุงก็ไม่อยากที่จะให้หลานเป็นทุกข์หรือมีห่วง จึงยอมที่จะอโหสิกรรมและให้อภัย พร้อมทั้งการที่นายกิตติภูมิจะบวช ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีที่หลานสาวจะได้รับบุญกุศล
เวลาประมาณ 09.00 น. ญาติของผู้ก่อเหตุประมาณ 4-5 คน เดินทางมาเยี่ยมและพูดคุยกับผู้ก่อเหตุที่ห้องขังของ สภ.บางศรีเมือง พร้อมกับมีการนำข้าวเหนียวหมูปิ้งมาฝากไว้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้ผู้ก่อเหตุได้กินระหว่างอยู่ในห้องขังด้วย นายประสิทธิ์ ศิริวัฒน์ พี่ชายคนโตของผู้ก่อเหตุ บอกว่า ปัจจุบันผู้ก่อเหตุไม่มีครอบครัว เพราะภรรยาเลิกรากันไปประมาณ 4-5 ปีที่แล้ว และไม่ได้มีลูกด้วยกัน ทำให้เท่าที่ตนรู้คือเขาอยู่คนเดียว แต่ก็ไม่รู้ว่าพักอาศัยอยู่แถวไหน เพราะที่ผ่านมาไม่ค่อยได้ติดต่อกันเท่าไร เนื่องจากผู้ก่อเหตุมักมีนิสัยนิ่ง ๆ เงียบ ๆ เวลามีปัญหาอะไรก็ไม่เคยบอกพี่ ๆ น้อง ๆ ให้รับรู้
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนก็ไม่รู้ว่าต้นสายปลายเหตุเป็นอย่างไร หน้าตาผู้ตายตนก็ไม่เคยเห็นมาก่อน มารู้เรื่องก็ตอนที่เป็นข่าวเมื่อวานนี้ อย่างไรก็ตาม ในฐานะพี่ชายของผู้ก่อเหตุก็อยากขอโทษ แสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้ตายแทนน้องชายเอาไว้ด้วย แต่ส่วนตัวคงไม่ได้เดินทางไปขอโทษ หรือกราบขอขมาศพที่งานด้วยตัวเอง รวมถึงเงินเยียวยาก็คงไม่มีให้ เพราะตนอยู่คนเดียว ต้องรับผิดชอบเลี้ยงหมาด้วย จากที่ได้คุยกับผู้ก่อเหตุสั้น ๆ เมื่อเช้าก็ตกลงกันไว้ว่าหากพ้นโทษออกเมื่อไหร่จะให้บวชตลอดชีวิตเพื่อเป็นการขอขมาให้แก่ผู้ตายและครอบครัว
นายเข้ม (นามสมมติ) อายุ 21 ปี บอกว่า ตนรู้จักกับผู้ตายมาประมาณ 6-7 ปีแล้ว เท่าที่ตนได้สัมผัสและพูดคุยกับผู้ตาย เขาเป็นคน 2 บุคลิก คือถ้าชีวิตปกติเขาจะเรียบร้อย ขี้เล่น เฮฮา และถ้าเมื่อมีเรื่องเครียดบุคลิกจะเปลี่ยนเป็นคน ที่นิ่งไม่พูดกับใคร และไม่ยอมบอกปัญหาให้กับคนอื่นรู้ด้วย แต่ตนและเพื่อนทุกคนรู้ เพราะสีหน้าเขาจะออกว่ากำลังมีเรื่องให้คิด ก็เลยพยายามให้กำลังใจและไม่ถามอะไรมาก
ส่วนเรื่องความรัก ส่วนน้อยมากที่เพื่อนจะเห็นเขามีแฟนหรือคุยกับใครแบบเปิดเผยต่อหน้าเพื่อน เท่าที่รู้จักมา 6-7 ปีก็เห็นมีอยู่ 2-3 คน เป็นคนรุ่นราวคราวเดียวกันเสียส่วนใหญ่ ประเด็นที่มีเพื่อนบางกลุ่มบอกว่าผู้ตายมีรถสนิยมชอบคุยกับคนมีแฟนหรือคนสูงวัย ยืนยันว่าเท่าที่รู้จักไม่เคยเห็นแบบนั้น
ต่อมาเวลา 13.20 น. ตำรวจได้คุมตัว นายกิตติภูมิ ผู้ก่อเหตุ ไปฝากขังยังศาลจังหวัดนนทบุรี ระหว่างนั้นทีมข่าวพยายามที่จะถามกับตัวผู้ก่อเหตุว่าทำไปเพื่ออะไร เจ้าตัวก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตาบอกว่า "เครียด ยอมรับว่าทำไปเพราะรัก"
เมื่อถามว่าถ้ารักแล้วทำทำไม เจ้าตัวบอกว่าขอไม่ตอบครับ "อยากบอกกับผู้ตายพร้อมครอบครัวว่า เสียใจครับ อยากขอโทษ และยืนยันตามที่ได้คุยกับพี่ชายไว้ว่าหากมีโอกาสได้พ้นโทษออกมา จะขอบวชให้กับผู้ตาย แต่จะบวชตลอดชีวิตหรือเปล่านั้นต้องขอดูตอนนั้นอีกที" ส่วนเรื่องเงิน 1 แสนบาทเคยเสนอให้ผู้ตายจริง เป็นการอยากให้ด้วยเสน่หาและรัก ส่วนเรื่องขอประกันตัวยังไม่ทราบ
