หนุ่มซัลโวเพื่อน 4 นัดอ้างทวงค่าเช่าบ้าน ลั่นผมคนดังหวั่นฉาว ตร.สาวปมเอี่ยวยา (คลิป)

20 พ.ย. 64

เมื่อเวลา 19.30 น. ของวันที่ 19 พ.ย. 2564 ร.ต.อ.สรธัญ สุวรรณเรืองศรี รอง สว.(สอบสวน) สน.บางบอน รับแจ้งเหตุชายถูกยิง ทราบชื่อนายมนู เอมชาวนา หรือ นู อายุ 34 ปี ถูกยิง 4 นัด เข้าแขนซ้าย 2 นัด เอวซ้าย 1 นัด เอวขวาอีก 1 นัด ถูกนำตัวส่งรพ.บางปะกอก 8 ไปก่อนแล้ว

775983

จากนั้นรุดตรวจสอบพร้อม พ.ต.ต.วรวุฒิ เมธีวรรณกุล สว.สส.สน.บางบอน กำลังสายตรวจและฝ่ายสืบสวนที่เกิดเหตุบริเวณโต๊ะหินหน้าร้านขายของชำ ในหมู่บ้านรางไผ่ ถ.บางบอน 3 ซ. 8 แขวงบางบอนเหนือ เขตบางบอน กรุงเทพฯ พบคราบเลือด ขวดสุราขวดเบียร์จานกับแกล้มกระจายเกลื่อน บนพื้นมีปลอกกระสุนปืนตกอยู่ 4 ปลอก หัวกระสุน 1 หัว จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

894034

ต่อมาทราบชื่อคนก่อเหตุคือ นายทวีทรัพย์ ธารารมย์ หรือ โอ๊ต อายุ 30 ปี ซึ่งหลังก่อเหตุได้หนีไปตั้งหลักที่บ้าน ก่อนนำอาวุธปืนดัดแปลง .380 ยิงด้วยกระสุนขนาด .32 ของกลางที่ใช้ก่อเหตุ เข้ามอบตัวกับตำรวจ โดยมี พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ รอง ผบช.น. และ พล.ต.ต.พงศ์อานันต์ คล้ายคลึง ผบก.น.9 ร่วมกันสอบปากคำ ตั้งแต่กลางดึกคืนที่ผ่านมา

titled

ล่าสุด วันที่ 20 พ.ย. 64 ทีมข่าวลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ มีคราบเลือดติดอยู่ที่เสาเหล็กกันสาดจากร้าน และรอยคราบที่ขอบขาเก้าอี้ม้าหิน เป็นคราบที่ล้างไม่ออก

260759

ขณะเดียวกันวงจรปิดของชาวบ้านบันทึกนาทีนายโอ๊ตก่อเหตุยิงนายมนูไว้ได้อย่างชัดเจน ตั้งแต่เวลา 20.22 น. สถานการณ์ยังปกติทั้งหมดล้อมวงดื่มแต่ผ่านไป 20 วินาที เสียงปืนดังขึ้น 4 ครั้ง วงเหล้าแตกวุ่นก่อนผ่านไปประมาณ 1 นาที นายโอ๊ตขึ้นรถฟอร์ดสีแดงขับถอยหลังเข้าซอย และมุ่งหน้าออกไปทางปากซอยบางบอน 3 ซอย 8

406717

ล่าสุด รายงานจากตำรวจ สน.บางบอน ว่านายโอ๊ตให้การอ้างว่า ปัจจุบันเป็นพนักงานเต้นท์รถมือสอง อยู่ที่พุทธมณฑลสาย 4 ก่อนเกิดเหตุนายมนูได้เคยนำรถยนต์ไปจำนำไว้กับพวกตน แล้วมีปัญหาไม่นำเงินมาไถ่คืน นอกจากนี้มีปัญหาค้างค่าเช่าบ้าน ซึ่งเช่าไว้กับตนประมาณ 4-5 เดือน แต่เมื่อทวงถามเจ้าตัวพยายามบ่ายเบี่ยง กระทั่งทราบว่ามานั่งดื่มเหล้าในที่เกิดเหตุ จึงตามมาและบันดาลโทสะ ใช้อาวุธปืนยิงใส่ไป 4 นัด ก่อนตัดสินใจมามอบตัว

921315

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อคำให้การ เนื่องจากนายทวีทรัพย์และนายมนูเคยถูกจับกุมดำเนินคดี ข้อหาพัวพันยาเสพติดมาแล้วทั้งคู่ ก่อนประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เข้ามาเก็บรวบรวมรายละเอียดเกี่ยวกับอาวุธปืนของกลาง ก่อนแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายโดยมีหรือใช้อาวุธปืน, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปในเมืองหมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่รับอนุญาต และยิงปืนในที่สาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควรเอาไว้ก่อน

854586

นายสมคิด คุ้มถิ่นแก้ว อายุ 60 ปี เจ้าของร้านขายของชำ บอกว่า นาทีที่นายนูเริ่มพูดมากด้วยสัญชาตญาณ ตนจึงเดินไประบายให้แฟนฟังว่า "นูมันเริ่มเสียงดังถ้าไม่ค่อยจะดี" เวลา 19.00 น. แก๊งวัยรุ่นทยอยกันมาที่ละคนจนรวมตัวกันประมาณ 5-6 คน ตนจำได้นายโอ๊ต ขับรถกระบะฟอร์ดสีแดงมาหลังสุด โดยมีเพื่อนชายขี่จักรยานยนต์พ่วงหญิงสาวตามมาจอดข้างร้าน แล้วทะเลาะกันก่อนจะก่อเหตุยิง สำหรับแก๊งนี้เป็นญาติ ๆ กัน ยกเว้นนายโอ๊ด แต่ก็เป็นเพื่อนกัน ตนเห็นมาตั้งแต่เด็ก ก่อนโควิด-19 มานั่งกินเหล้ากันบ่อยครั้ง

439236

ทั้งนี้ ตำรวจได้คุมตัวนายโอ๊ตไปทำแผนฯ ตั้งแต่เช้าคตรู่ ไม่อนุญาตให้ชาวบ้านถ่ายคลิป พร้อมกันชาวบ้านออกจากพื้นที่ เนื่องจากในย่านนั้นมีแต่ญาติ ๆ ของนายมนูอาศัยอยู่หลายหลังคาเรือน ต่อมาในช่วงสายได้คุมตัวนายทวีทรัพย์ไปขออำนาจศาลอาญาธนบุรีฝากขังผลัดแรกทันที

434608

โดยระหว่างตำรวจนายโอ๊ตออกมาจากสถานีตำรวจ ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามทำไมถึงก่อเหตุ มีปัญหาอะไรกับผู้บาดเจ็บ นายทวีทรัพย์บอกว่า "ผมขออนุญาตใช้สิทธิ์ ผมมีหน้ามีตา รบกวน ไม่อยากให้เสียหายทางธุรกิจ" ก่อนเดินเข้ารถควบคุมผู้ต้องขังทันที

750863

นายสาธิต ทองสุข หรือ แบ้งค์ อายุ 31 ปี เพื่อนในกลุ่มเดียวกัน ที่อยู่ในที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่า ตนเป็นคนสุดท้ายที่ขี่รถจักรยานยนต์ออกไปหาเพื่อน เนื่องจากนายบีชโทรตามให้ตนออกไป โดยบอกว่า "นั่งกินเหล้าอยู่ร้านค้ามาสิ" ตนจึงขี่รถไป ไปถึงสถานการณ์ปกติ จากนั้นคุยกับนายบีชได้พักเดียว เริ่มถกเถียงกัน โดยนายมนูพูดว่า "มีอะไรก็เครียร์เลย เพราะโทรตามออกมาแล้วหนิ อย่ามาจี้กูมาก"

336172

จากนั้นนายโอ๊ตลุกมายืนอยู่ด้านหลังตน เพราะตนยังค่อมรถอยู่ ไม่ได้ลงจากรถ โดยที่ตนก็ไม่ได้ว่าโอ๊ตที่พกอาวุธด้วยซ้ำ และคิดว่านายโอ๊ตจะลุกไปขยับรถ ทันใดนั้นมีการท้ายทาย นายมนูชกต่อยกับเพื่อนนายโอ๊ตไปคนละหมัด นายโอ๊ตก็ควักปืนยิงรัวใส่นายมนูเลย ซึ่งเหตุเกิดไวมาก ไม่มีเวลาจะห้ามได้ และเพื่อนอึ้งกัน เงียบกันหมด ตนคิดในใจว่าเกิดอะไรขึ้น

ส่วนปมที่นายโอ๊ตให้การว่านายมนูว่าค้างค่าเช่าบ้านนั้น 1 ปีกว่าแล้ว วันนั้นเป็นวันเกิดของเพื่อนในกลุ่มนายมนูก็ไปเที่ยว และนายโอ๊ตเปิดพูลวิวล่าที่แก่งกระจาง จึงมีการเช่าบ้านกัน และงานจบนายมนูไม่มีเงินจ่าย ซึ่งมันก็แค่ 2,500 บาท ขณะที่รถนายมนูไปจำนองกับนายโอ๊ตจริง เพราะนายโอ๊ตเป็นเจ้าของรับซื้อแลกเปลี่ยนมอเตอร์ไซค์ แต่จบกันไปตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปี 2563 แล้วเรื่องนี้จำได้ว่าตนเป็นตัวกลางในการคุย นายมนูนำไปจำนองไว้ 3,500 บาท และพี่ชายนายมนูเป็นคนโอนเงินมาให้ตนไปไถ่ถอนมาแล้วยอด 4,500 บาท มีสลิปการโอนเงินชัดเจน และมอเตอร์ไซค์ก็ยังจอดอยู่ที่บ้านตน จึงมองว่าไม่น่าจะเกี่ยว

ทั้งนี้ ตอนที่ตนไปถึงก็เห็นนายมนูนั่งดื่มเบียร์ 1 ขวด ยังดื่มไม่หมดด้วยซ้ำ ตอนไปถึงได้คุยกันแค่ 10 นาทีก็ยังไม่มีใครมึนเมาแต่เหตุก่อนหน้านั้นมีอะไรกันก่อนหรือไม่ตนเองไม่ทราบ แต่ทุกครั้งที่มานั่งดื่มกันตรงนี้ก็ไม่ได้มีปัญหากัน ส่วนจะมองว่าขัดกันเรื่องผู้หญิงก็ไม่ใช่ เพราะนายโอ๊ตมีลูกมีเมียแล้ว สำหรับตนอยากจะคุยกับนายมนูหรือนายโอ๊ตโดยตรง เพราะหลังจากก่อเหตุยิงนายโอ๊ตก็หายหัวไป ทราบอีกครั้งคือเข้ามอบตัวแล้ว ตนเองเดินทางไปที่สถานีตำรวจ แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่ให้พูดคุย จึงไม่ได้สอบถามว่ามีปัญหาอะไรกัน

อย่างไรตาม คำว่าเพื่อนยังคงเหมือนเดิม เพราะคือเพื่อนกัน แต่ก็ยังสงสัยว่าเที่ยว กิน อยู่ด้วยกันมาตลอด ทำไมไม่พูดคุยกันดี ๆ ทำไมต้องก่อเหตุรุนแรงกันขนาดนี้ ทั้งที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ยังเด็ก ไม่เคยมีปัญหากันเลย

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส