กรณีแฟนเพจเฟซบุ๊ก "อีซ้อขยี้ข่าว 2" โพสต์เรื่องราวของแม่ค้าออนไลน์ ที่ถูกลูกค้ารายหนึ่งติดต่อซื้อชุดผ้าปูที่นอนลายลิขสิทธิ์ ก่อนถูกตำรวจเข้าจับกุม โดยระบุว่า “เรื่องราวของแม่ค้าออนไลน์...แม่ค้าบอกไม่มีลายนี้ เพราะเป็นลายลิขสิทธิ์ แต่ทางคนสั่งย้ำว่าหาให้หน่อย สุดท้ายถูกจับต้องจ่ายค่าปรับหลายหมื่นที่โรงพักใน จ.ชลบุรี”
ล่าสุดวันที่ 15 พ.ย.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปพูดคุยกับนางสาวศิริรัตน์ ศรีศุภสันต์ ผู้เสียหาย เล่าให้ฟังว่า ในวันที่ 6 พฤศจิกายน 64 มีผู้หญิงทักแชตเฟซบุ๊กตนมาว่า สนใจผ้าปูที่นอนขนาด 6 ฟุต และต้องการนัดรับสินค้า ที่หน้าห้างฯ เซ็นทรัล เฟสติวัล พัทยา ตนจึงบอกว่า "เดี๋ยวจะส่งลายให้เลือก" แต่หญิงรายดังกล่าวบอกว่าต้องการแบบลายการ์ตูน
ทั้งนี้ ตนจึงบอกว่าราคาชุดละ 790 บาท จากนั้นหญิงคนดังกล่าว ได้ส่งรูปผ้าปูที่นอนลายที่ต้องการมาให้ เป็นลายการ์ตูนวันพีซ 2 แบบ ตนจึงบอกว่าลายนี้เป็นลายสิขสิทธิ์ ต้องมีการสั่งและรอสินค้าประมาณ 2 วัน ถึงจะได้ หญิงรายได้กล่าวยังยืนยันว่าต้องการลายนี้ และมีการแลกเบอร์โทรศัพท์ติดต่อกันไว้ ตนจึงต้องสั่งสินค้าจากร้านอื่น ๆ จากจ.สระแก้ว ให้ส่งมาให้ตน ก่อนจะส่งให้ลูกค้ารายนี้อีกครั้ง
กระทั่งตกลงกันเรียบร้อย หญิงรายนี้ได้โทรศัพท์พยายามทวงถามสินค้าทุกวัน และเมื่อสินค้ามาหญิงรายดังกล่าว ทราบก่อนตนด้วยว่าสินค้ามาถึงแล้ว เพราะมีการเช็กจากเลขพัสดุ โดยนัดรับสินค้าในวันที่ 10 พฤศจิกายน 64 เมื่อถึงวันดังกล่าวหญิงรายนี้ได้โทรศัพท์มาหาตนตั้งแต่เช้า นัดรับสินค้ากับตน เวลา 11.00 น. ตนจึงได้ไปรับสินค้าที่บริษัทขนส่ง และจะนำมาฝากแฟนหนุ่มเอาไว้เพื่อไปส่งให้ แต่หญิงรายนี้เลื่อนนัดรับสินค้าเป็นเวลา 14.00 น.
แฟนหนุ่มตนได้นำสินค้าไปส่งตามสถานที่ที่นัดหมายไว้ ปรากฏว่าหญิงรายนี้ตั้งท้อง ได้มารับสินค้าตามปกติ และยื่นเงินจำนวน 2,000 บาท สินค้าราคาชุดละ 790 บาท 2 ชุดราคา 1,580 บาท เมื่อแฟนหนุ่มตนกำลังจะหาเงินทอน ตำรวจก็ได้เข้ามาทันที และบอกว่าไม่ต้องหา แต่จะถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน ตนทราบภายหลังว่าผู้หญิงรายนี้ ป็นคนของบริษัทที่ดูแลเรื่องลิขสิทธิ์วันพีซ
หลังจากนั้น แฟนหนุ่มจึงโทรศัพท์มาหา และบอกกับตนว่าถูกจับแล้ว ตนยังงง ๆ ว่าถูกจับได้อย่างไร ตนจึงได้พูดคุยกับตัวแทนของบริษัทที่ล่อซื้อชุดผ้าปูที่นอน มีการเรียกเงิน จำนวน 50,000 - 100,000 บาท ตนจึงปฏิเสธว่าไม่มี ทำให้ตัวแทนบริษัทต้องดำเนินคดี จึงตกลงกันที่ 30,000 บาท ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวเป็นเงินเก็บของปู่และย่าที่จังหวัดชัยนาท
"ปกติแล้ว เราเองจะขายแต่ที่นอน ผ้าปูที่นอน ผ้าห่มแบบสีพื้น ๆ ไม่มีลายลิขสิทธิ์แบบนี้ ได้กำไรแค่ชุดละ 200 บาทเท่านั้น ก่อนหน้านี้ฉันทำงานเป็นรปภ. และต้องดูแลลูกเพียงคนเดียว และแม่ก็ทำอาชีพค้าขายปลา เพิ่งจะมาขายผ้าปูที่นอนได้เพียง 2 ปีเท่านั้น ขายทั้งออนไลน์ และตามตลาดนัด จึงอยากถามว่าทำไมต้องมาทำร้ายคนหาเช้ากินค่ำแบบนี้ ยาเสพติดทำไมไม่ไปจับ ทำไมต้องมาจับแค่ผ้าปูที่นอน อยากเรียกร้องความเป็นธรรม" นางสาวศิริรัตน์ กล่าว
ทีมข่าวติดต่อไปทางโทรศัพท์ สอบถามนายชรินทร์ มีสิน ผู้ได้รับมอบหมายดูแลลิขสิทธิ์วันพีซ เปิดเผยว่า ตนยืนยันว่าไม่ได้เป็นการล่อซื้อ แต่เป็นการสั่งซื้อ เพราะใ่ายตนมีการสั่งซื้อตามที่เขาได้โฆษณาเอาไว้ผ่านเฟวบุ๊ก แต่ตอนนี้ทางแม่ค้าก็แก้ข่าว เหมือนลักษณะที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว และบางคนก็โจมตีด่าบริษัททั้ง ๆ ที่ไม่ทราบกฎหมาย
"แม่ค้ารายนี้ เขามีการโพสต์วันพีซขายจริง ฉะนั้นเราจึงได้สั่งซื้อตามภาพที่โพสต์ และแม่ค้าบอกให้รอหน่อย เราก็รอสินค้าจากเขา ไม่ใช่ไปเจาะจงว่าไปหาให้หน่อย เป็นการโฆษณาขายด้วยภาพของเขาอยู่แล้ว ผมยืนยันไม่ได้เป็นการเรียกเงินจนมากเกินไป เพราะเป็นอัตราโทษคดีละเมิดลิขสิทธิ์ ส่วนมากจะปรับขั้นต่ำ 50,000 บาท สามารถต่อรองได้ และช่วงโควิด-19 ก็มีการต่อรองกันได้" นายชรินทร์ กล่าว
ฉะนั้นทางบริษัท จึงได้ทำเรื่องถอนคดีกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา เพื่อยินยอมความกันไป ตนยืนยันว่าไม่ได้เป็นการรีดทรัพย์ เพราะตนมีอำนาจในการประนีประนอมยอมความได้ เข้าใจในความลำบากเรื่องเงิน แต่หากจะไม่ให้เงินเพื่อยอมความก็ได้ ก็ไปทำเรื่องประกันตัวต่อศาล
อย่างไรก็ตาม ตำรวจสภ.เมืองพัทยา เปิดเผยว่า เจ้าทุกข์ หรือเจ้าของลิขสิทธิ์ ได้เดินทางมาลงประจำวันไว้ก่อนแล้ว จากนั้นวันที่มีการจับกุม (10 พ.ย. 64) มีการประสานเจ้าหน้าที่ให้ไปด้วย ที่บริเวณหน้าห้างฯ เซ็นทรัล เฟสติวัล พัทยา ซึ่งตำรวจไม่ได้รู้เห็นเกี่ยวกับการล่อซื้อแต่อย่างใด ต่อมาหลังจากนั้นทั้ง 2 ฝ่ายได้ยินยอมและตกลงกันได้ ทางฝ่ายเจ้าของลิทสิทธิ์จึงขอถอนแจ้งความ และไม่ได้ดำเนินการใด ๆ ตามข้อกฎหมายแต่อย่างใด
