กรณีแฟนเพจเฟซบุ๊ก "อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น Part 1" แชร์คลิปวิดีโอลักษณะคล้ายการทะเลาะวิวาทกัน ระหว่างวินมอเตอร์ไซค์ กับพนักงานสาวออฟฟิศ โดยวินมอเตอร์ไซค์ขี่รถมาชนรถเก๋งของพนักงานออฟฟิศที่จอดอยู่หน้าบริษัท ก่อนที่ทั้ง 2 ฝ่าย จะพูดคุยและเคลียร์กัน แต่ไม่เป็นผล ด้านวินมอเตอร์ไซค์ตะโกนว่าให้ไปเคลียร์กันที่โรงพัก แต่พนักงานออฟฟิศจะรอเรียกประกัน
แต่สุดท้ายวินมอเตอร์ไซค์ ก็แสดงอาการไม่พอใจ ก่อนที่จะโวยวายและพูดจาลักษณะคล้ายคนไม่มีสติ และหยาบคาย "พวกมึงยังไม่เคยเห็นหรอก ไอ้ไก่อ่อน กลับไปแด_หญ้า โทรเรียกตำรวจมาเลย" พร้อมกับหยิบกรรไกรขึ้นมาข่มขู่อีกด้วย
ล่าสุดวันที่ 7 พ.ย.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางลงไปยังพื้นที่เกิดเหตุ ซึ่งอยู่บริเวณออฟฟิศแห่งหนึ่ง ภายในซอยรัชดาภิเษก 28 แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กทม. ทีมข่าวมีโอกาสพูดคุยกับนางสาวอภิชญา สีหะนันท์ อายุ 25 ปี เจ้าของรถเก๋ง เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า ช่วงที่เกิดเหตุการณ์นั้นเป็นช่วงที่ตนกำลังถอยรถจอดบริเวณหน้าออฟฟิศ จู่ ๆ วินมอเตอร์ไซค์คันดังกล่าวก็ขี่รถมาชนบริเวณกระจังหน้ารถ ก่อนที่ตนจะลงไปเคลียร์ ซึ่งช่วงเเรกก็มีการเจรจากันอย่างดี จนอีกฝ่ายเห็นว่าตนอัดคลิปก็เกิดเหตุการณ์ตามที่ได้ถ่ายคลิปไว้ มีการข่มขู่ และท้าทาย ตลอดจนหยิบกรรไกรขึ้นมาตามคลิป
ทั้งนี้ ยืนยันว่าตนไม่ได้เป็นฝ่ายขึ้นเสียง หรือพูดจาหยาบคายก่อน ซึ่งหากมองจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนคิดว่าอีกฝ่ายมีลักษณะคล้ายคนไม่มีสติ จะเห็นได้บางช่วงที่เขาอ้างว่า "อยากจะลองของ" ซึ่งตนไม่เข้าใจว่าจริง ๆ แล้วเป็นเพราะอะไร ตนตัดสินใจไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สุทธิสาร ก่อนที่ตำรวจจะได้เรียกวินมอเตอร์ไซค์มาตรวจสอบ เบื้องต้นไม่พบสารเสพติดในร่างกาย เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีแค่ในส่วนของการขู่ทำร้ายร่างกาย มีการเสียค่าปรับและปล่อยตัวไป
"หนูยืนยันว่าส่วนตัวรู้สึกหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หวั่นว่าเขาจะกลับมาทำร้ายร่างกาย ตอนนี้ขณะสัมภาษณ์ตนเองก็ยังหวาดกลัว เมื่อถามว่าส่วนตัวคิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมองว่าเขาตั้งใจหรอไม่ ทางเจ้าตัวเผยไม่มั่นใจ แต่มองว่าอาจจะเกิดจากอาการเหม่อลอย หากดูตามคลิปช่วงที่ชน" ผู้เสียหาย กล่าว
ทีมข่าวได้เดินทางไปยังวินมอเตอร์ไซค์ดังกล่าว จึงมีโอกาสพูดคุยกับ นายวิรัช ดาวประสงค์ เพื่อนวินมอเตอร์ไซค์เดียวกัน เล่าให้ฟังว่า จริง ๆ แล้วนายสุเมธา เขาเป็นคนในพื้นที่ลาดพร้าว และขี่วินมอเตอร์ไซค์มานานกว่า 4-5 ปี เรื่องราวที่เกิดขึ้นตนยังไม่ได้ดูคลิปและไม่ทราบว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไร แต่โดยปกติเขาเป็นคนนิสัยดีคนหนึ่ง อ่อนน้อมถ่อมตน โลกส่วนตัวสูง และไม่เคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทมาก่อน รวมถึงไม่เคยมีปัญหากับลูกค้าด้วย
ต่อมาทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายสุเมธา ฮวดพิทักษ์ อายุ 28 ปี กล่าวสั้น ๆ ว่า จริง ๆ แล้วเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนไม่ได้ตั้งใจทำ ตอนนั้นตนเหมือนไม่มีสติ และตนต้องขอโทษด้วย ขณะที่ตำรวจได้เเจ้งข้อหา ข่มขู่ทำให้ผู้อื่นตกใจกลัว ก่อนจะเสียค่าปรับเรียบร้อยแล้ว
นางพูลสมัย ฮวดพิทักษ์ อายุ 61 ปี แม่ของนายสุเมธา กล่าวยอมรับว่า เรื่องที่เกิดขึ้นมาจากฤทธิ์ของการเสพกัญชา เพราะลูกชายของตนค่อนข้างติดกัญชาหนักมาก เคยเข้ารับการบำบัดมาแล้วครั้งหนึ่งแต่ก็ยังไม่หาย พอมาเจอเหตุการณ์ครั้งนี้ ตนอยากให้ตำรวจดำเนินคดีกับลูกชาย เพราะต้องการให้เขาเข้ารับการบำบัดแบบจริงจัง
ที่ผ่านมา แม้จะบำบัดแล้ว แต่ก็กลับมีอาการเหมือนเดิม นอกเหนือจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาเคยทำลายข้างของภายในบ้านพังเสียหายมาหลายครั้งแล้ว ตนก็ไม่สามารถห้ามอะไรได้ ครั้งนี้จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ช่วยพาไปบำบัดหวังให้เขาหายจากอาการหลอนกัญชา เพราะหากพูดจริง ๆ แล้วถ้าเขาไม่เสพกัญชา เขาจะเป็นคนหนึ่งที่ค่อนข้างเรียบร้อยไม่ก้าวร้าว
