ครูหนุ่มลั่นไม่เคยลวง ป.4 จูบ ชี้กอดแค่ปลอบ รร.ยันไร้จุดลับตาทำฉาว (คลิป)

17 พ.ย. 61
กรณีครูโรงเรียนดังในตำบลวังผา จังหวัดลำพูน โดนแฉพฤติกรรมฉาว หื่นลวนลามเด็ก นร.หญิง ชั้น ป.4-6 ทั้งกอด หอมแก้ม จับหน้าอก พร้อมขู่ห้ามบอกใคร จนเด็กทนไม่ไหว เล่าให้ครูผู้หญิงและครูฝ่ายผู้ปกครอง และเข้าแจ้งความดำเนินคดีนั้น (อ่าน : ผู้ปกครองรวมตัวแฉ ครูฉาว! ลวมลามเด็กหญิงในรร. วอนไล่ออก – ครูปฏิเสธ โต้อย่าตัดสินหากไม่รู้จริง)
นายกเทศมนตรีตำบลวังผาง พาทีมข่าวเดินสำรวจบริเวณอาคารเรียน
วันที่ 16 พ.ย. 61 นายจรัล ดวงสะเก็ด นายกเทศมนตรีตำบลวังผาง อำเภอเวียงหนองล่อง ในสังกัดเทศบาลตำบลวังผาง พาทีมข่าวลงพื้นที่ โรงเรียนทุกส่วนของโรงเรียนโล่ง มองเห็นเด่นชัด ไม่มีจุดอับสายตา แม้กระทั่งห้องน้ำสาธารณะ ซึ่งพบว่าห้องน้ำอยู่บริเวณริมรั้วด้านหลังสุดของโรงเรียน และมีโรงเพาะเห็ดของนักเรียนชั้น ป.5-6 ตั้งอยู่ ประกอบกับบริเวณดังกล่าว มีสนามเด็กเล่นของเด็กอนุบาลและป.1-2 ตั้งอยู่ ดังนั้นจุดที่คาดว่าครูผู้ถูกกล่าวหา จะลวนลามเด็กบริเวณห้องน้ำในจุดดังกล่าวได้นั้น ค่อนข้างเป็นไปได้ยาก เพราะมีเด็กนักเรียนเวียนเข้าออกตลอด
ห้องน้ำของโรงเรียน
จากนั้น นายกเทศมนตรีตำบลวังผาง พาทีมข่าวเดินสำรวจบริเวณอาคารเรียน พบว่าแต่ละจุดไม่มีจุดอับสายตา ทุกอาคารมีกล้องวงจรปิดติดตั้งทุกชั้น อีกทั้งมีกล้องวงจรปิดติดตั้งเหนือประตูห้องอาเซียน ซึ่งเป็นห้องที่ครูผู้ถูกกล่าวหาใช้สอน และพักตรวจการบ้านเด็กอีกด้วย
กล้องวงจรปิดบริเวณหน้าห้องอาเซียน
จากนั้น นายกเทศมนตรี พาทีมข่าวเดินทางไปยังห้องอาเซียน ซึ่งจากคำกล่าวอ้างของนักเรียนที่ได้รับความเสียหายอ้างว่า เป็นห้องที่ครูพามาลวนลาม โดยพบว่าเป็นห้องมุม ถัดจากห้องเรียนชั้น ป.6 ซึ่งประตูทำด้วยไม้ หากมีการส่งเสียงดัง หรือตะโกนภายในห้อง ก็สามารถได้ยินออกมาถึงภายนอกได้ ส่วนหน้าต่างของห้องอาเซียน เป็นหน้าต่างบ้านไม้ชิ้นเดียวกัน
ห้องอาเซียน ห้องพักของครูผู้ถูกกล่าวหา
ภายในโรงเรียน พบว่ามีนักเรียนรวมทั้งสิ้น 234 คน เปิดสอนตั้งแต่ชั้น ป.1-ป.6 มีครูผู้สอน รวมกับผู้บริการโรงเรียนทั้งสิ้น 17 คน ดังนั้น จากพื้นที่ของโรงเรียนซึ่งมีขนาดไม่กว้าง และมีคนเดินพลุกพล่านตลอดเวลา หากครูผู้ถูกกล่าวหา จะใช้โอกาสในการลวนลามเด็ก อาจมีโอกาสเป็นไปได้น้อย
นายจรัล ดวงสะเก็ด นายกเทศมนตรีตำบลวังผาง
นายจรัล ดวงสะเก็ด นายกเทศมนตรีตำบลวังผาง เปิดเผยว่า ภายหลังที่ตนเองทราบข่าว ได้มีการประชุมกับคณะกรรมการสถานศึกษา โดยมีผู้อำนวยการโรงเรียนเข้าร่วมด้วย ซึ่งทางโรงเรียน ได้ตั้งคณะกรรมการสืบหาข้อเท็จจริงแล้ว ตอนนี้ยืนยันว่าเรื่องทั้งหมดได้ดำเนินการตามขั้นตอน พร้อมสืบหาข้อเท็จจริง ทางเทศบาลจะให้ความยุติธรรมทั้งสองฝ่าย โดยในวันนี้โรงเรียน แม้จะเกิดเหตุการณ์ขึ้น แต่ก็มีความพร้อมที่จะดูแลเด็ก เพราะทางโรงเรียนมีมาตรการรักษาความปลอดภัยด้วยกล้องวงจรปิด และทุกพื้นที่ เปิดโล่ง เห็นได้ชัด ดังนั้นจึงเชื่อได้ว่าจากกภาพความปลอดภัยดังกล่าว จะเป็นไปค่อนข้างไปยาก ที่ครูจะก่อเหตุได้ แต่ทั้งนี้ ตนเองก็ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์จริง ตอบไม่ได้ทั้งหมด
นายตั้ม (นามสมมติ) ครูผู้ถูกกล่าวหา
ด้าน นายตั้ม (นามสมมติ) ครูผู้ถูกกล่าวหา เปิดใจว่า ตนเองไม่รู้สึกวิตกกังวลใด ๆ เพราะสามารถยืนยันความบริสุทธิใจได้ว่าไม่ได้กระทำผิด แต่ก็เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งเป็นห่วงถึงความรู้สึกของเด็ก ซึ่งหลังจากนี้ ตนจะแสดงความบริสุทธิ์ใจ โดยใช้กระบวนการทางพฤติกรรมทุกช่องทาง พร้อมยอมรับว่าในชีวิตราชการเกือบ 10 ปี ตัวเองไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้ ไม่เคยมีประวัติด่างพร้อย แต่ก็พร้อมพิสูจน์ว่าข้อเท็จจริงคืออะไร และการที่ตนเองจะไปมีพฤติกรรมดังกล่าวภายในโรงเรียนนั้น เป็นไปได้ยาก เนื่องจากภายในโรงเรียนมีกล้องวงจรปิดติดตั้งอยู่ และโรงเรียนก็มีเด็กจำนวนมาก
ภาพจำลองเหตุการณ์ ตามคำกล่าวอ้างของเด็กหญิงชั้น ป.4-ป.6
ทั้งนี้ ในจำนวนของนักเรียนทั้ง 5 คน ที่ออกมาบอกว่าเป็นผู้เสียหายนั้น ตนเองและนักเรียนกลุ่มดังกล่าว มีความขัดแย้งกัน เพราะที่ผ่านมา ตัวเองเคยเรียกมาสั่งสอนและปรับปรุงนิสัยเด็ก เกี่ยวกับการติดโซเชียล รวมถึงว่ากล่าวตักเตือนในฐานะครูฝ่ายปกครอง ทำให้มีเด็กหลายคนไม่พอใจ ซึ่งต่อมา ในขณะที่ตนเองกำลังสอนเด็กนักเรียนนั้น เด็กนักเรียนรายดังกล่าว ได้ร้องไห้ และมีอาการเสียใจ ตนจึงปลอบตามประสาของครูที่ห่วงใยเด็กเท่านั้น ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นภายในห้องที่ปิดประตูเอาไว้ เนื่องจากขณะที่ด่าหรือสอนเด็กคนดังกล่าว ตนกลัวว่าจะเด็กอับอายเพื่อน แต่ห้องไม่ได้ปิดหน้าต่าง ครูตั้ม เล่าว่า การที่ตัวเองจะจับเนื้อต้องตัวนักเรียนเหล่านั้น ก็เพราะว่าด้วยความรักความห่วงใย และความเอ็นดูในฐานะครู ที่เวลาเด็กต้องการกำลังใจ ตนเองจึงทำหน้าที่ในการปลอบ โดยการลูบปลอบ หรือจับหัว แล้วพูดว่า “ต่อไปนี้ อย่าไปทำอีกนะ” เท่านั้น บางครั้งเด็ก ๆ เครียด ตนก็เพียงแค่ให้กำลังใจ
นายเสาร์ (นามสมมติ) ตาของเด็กสาวที่อ้างว่าถูกล่วงละเมิดทางเพศ
นายเสาร์ (นามสมมติ) ตาของน้อง 11 ปี ระบุว่า ในวันเกิดเหตุ หลานไม่ได้เล่าอะไรให้ฟัง จนกระทั่งล่าสุด มีเพื่อนหลายคนโดนก่อเหตุลักษณะเดียวกัน หลานจึงมาเปิดใจกับตนว่า เมื่อช่วงเทอมที่ผ่านมา หลานถูกครูคนดังกล่าวเรียกขึ้นไปหาที่ห้อง และทำการกอดในห้อง ทั้งนี้ ภายหลังที่ครูรายดังกล่าวย้ายชั่วคราวไปสอนที่โรงเรียนอื่น ตนเห็นว่าอาจไม่เป็นผล ถ้าจะให้ดีควรให้ครูคนนี้ออกจากราชการไปเสีย เพราะอยู่โรงเรียนเดิมยังมีพฤติกรรมแบบนี้ หากไปอยู่โรงเรียนอื่น ก็คงจะมีพฤติกรรมไม่ต่างกัน ซึ่งจากข้อมูลที่ตนเองได้รับมา ไม่เพียงแค่เด็ก 5 คนที่ถูกลวนลาม แต่ยังมีเด็กอีกจำนวนมากที่โดนกระทำลักษณะเดียวกัน บางคนก็จบการศึกษาไปแล้ว แต่ส่วนใหญ่ไม่ยอมออกมาเปิดเผย ทั้งนี้ ในฐานะตาของน้องผู้เสียหาย ตนอยากเรียกร้องให้ครูผู้ถูกกล่าวหา ไม่ต้องกลับมารับราชการอีก ซึ่งกว่าจะมาเป็นครูได้ พ่อแม่ต้องสูญเสียเงินไปเท่าไร แต่สุดท้ายมาทำพฤติกรรมแบบนี้ ตนรับไม่ได้ ส่วนกรณีที่ผู้ถูกกล่าวหา ออกมาให้สัมภาษณ์ เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์เป็นครั้งแรกในวันนี้นั้น ตนเห็นว่า คำพูดของเด็กที่ถือเป็นผ้าขาวบริสุทธิ์ ให้ข้อมูลมาแบบนั้น เด็กจะโกหกไปทำไม เพราะเด็กเมื่อมีความคิดอย่างไรก็พูดออกมาอย่างนั้น และหากวันหนึ่งกระบวนการพิสูจน์แล้วว่าครูไม่ผิด ตนจะไม่ยอมรับกระบวนการนี้ เพราะอย่างไรก็ตาม ผ้าขาวย่อมพูดความจริง แต่ถ้าไม่มีกระบวนการตามที่ชาวบ้านเรียกร้อง สุดท้ายตัวเองเชื่อว่าพ่อแม่ผู้ปกครองทุกคนก็คงจะย้ายลูกหลานออกจากโรงเรียนดังกล่าวเอง

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ