ทลายแก๊งแอปฯ เงินกู้ซุกในสำนักกฎหมาย เจอโจ๋สูบยา เห็นจะจะทวงหนี้คาคอมฯ (คลิป)

สืบเนื่องจากนายจิระ อายุ 44 ปี ชาวอ.เมืองกำแพงเพชร ใช้อาวุธปืนยิงตัวตายในกระท่อมกลางทุ่งนาในบ้านเกิด ก่อนพบจดหมายสั่งเสียเขียนด้วยลายมือว่า เครียดเรื่องหนี้สินและถูกโกงจากเว็บออนไลน์ ประมาณ 9 ราย

โดยกระดาษแผ่นที่ 2 และ 3 เป็นรายละเอียดหนี้สินและแหล่งที่มา ยอดรวมประมาณ 130,333 บาท และยังสั่งเสียให้นายไพศาล เรืองฤทธิ์ ทนายความ และนายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือ หมอปลา ช่วยเหลือก่อนยิงตัวตายเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 64

จากนั้นวันที่ 22 ตุลาคม 64 เวลา 15.00 น. นายไพศาล เรืองฤทธิ์ ทนายความสำนักงานไพศาล เรืองฤทธิ์ พร้อมด้วยนายธนวัฒน์ ชาวสมุทร หรือ โกบอย ได้เดินทางลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ โดยได้ยกมือไหว้พร้อมกับอธิษฐานว่า "ขอให้ไปสู่สุคติ และจะช่วยเหลือให้ได้รับความเป็นธรรม" ก่อนที่หมอปลา มือปราบสัมภเวสี จะให้คำมั่นว่าจะช่วยปราบแก๊งเงินกู้

กระทั่งอดีตพนักงานแอปฯ เงินกู้เถื่อนดังกล่าว ออกมายอมรับกับทีมทนายไพศาล โดยอ้างว่ามีตำรวจดูแล และบริษัทจดทะเบียนถูกต้อง โดยจะหลอกลวงเหยื่อผ่านบัญชีม้าธนาคาร และค่ายมือถือชื่อดังค่ายหนึ่ง

ล่าสุดวันที่ 29 ต.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี รายงานว่า ตำรวจไซเบอร์ นำกำลังเข้าทลายรัง แอปฯ เงินกู้ดังกล่าวที่หลอกลวงประชาชน ในบ้านเลขที่ 46/8 ถ.เจริญราษฎร์ ข.บางโคล่ เขตบางคอแหลม กรุงเทพฯ

จากนั้นทีมข่าวลงพื้นที่พบด้านหน้าตึกเขียนว่าสำนักงานกฎหมายทนายแห่งหนึ่ง ก่อนตำรวจไซเบอร์จะเข้าตรวจยึดส่วนใหญ่ชั้น 1 คาดว่าเป็นจุดเชื่อมโยงการทวงหนี้ ซึ่งมีคอมพิวเตอร์กว่า 20 เครื่อง ตรวจสอบพบมีรายชื่อและเลขบัตรประชาชนของผู้กู้จำนวนมาก

ก่อนไปพบแอปพลิเคชันไลน์และแอปพลิเคชันที่ไม่ทราบชื่อ ที่มีการติดต่อทวงหนี้กับผู้กู้ โดยจะมีการพิมพ์ไปย้ำเตือนว่า "คุณติดหนี้อยู่จำนวนเท่าไร" เช่น คุณติดหนี้อยู่ 1,500 บาท ลูกหนี้ตอบกลับมาว่า "ผมเพิ่งได้ทำงานครับ" แต่บางคนก็ขอผ่อนรายวัน 100 บาท แม้พนักงานจะตอบว่าไม่นโยบายผ่อน แต่ก็จัดการทำยอดผ่อนให้ เป็นต้น

ส่วนบริเวณชั้น 2 ไปพบคอมพิวเตอร์อีกจำนวน 10 เครื่อง เจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลว่าจุดนี้ผู้บ่งการรู้ตัวก่อนเจ้าหน้าที่ไปถึง จึงรีบปิดเครื่องและลบข้อมูลออกทั้งหมด ซึ่งเจ้าหน้าที่จะนำคอมพิวเตอร์ดังกล่าวไปสืบค้นและรื้อข้อมูลเพื่อตรวจสอบอีกครั้งต่อไป

จากนั้นเจ้าหน้าไซเบอร์ คุมตัวกลุ่มแอดมินมากกว่า 30 คน ต่อแถวยาวออกมาขึ้นรถตู้ 4 คัน โดยทุกคนจะสวมใส่เสื้อคุม แต่บางคนใช้ผ้าปิดบังใบหน้าไว้ ทีมข่าวพบว่าส่วนใหญ่เป็นพนักงานผู้หญิงอายุ 20-30 ปี แต่ระหว่างนั้นทีมข่าวได้พยายามสอบถามว่าทำงานมานานหรือยัง, รู้สึกกลัวไหม, มาทำงานแบบสมัครใจหรือถูกบังคับ, รู้มาก่อนไหมว่าต้องทำอาชีพนี้ แต่ทุกคนปิดปากเงียบไม่ตอบคำถาม พูดสั่น ๆ เพียงว่า “ไม่เป็นไรพี่ เฉย ๆ ค่ะ”

ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายทรงวุฒิ (นามสมมติ) อายุ 29 ปี ชาวบ้าน กล่าวว่า แฟนสาวของตนทำงานอยู่ที่คลินิกตึกข้าง ๆ กับสำนักทนายความที่ตำรวจไซเบอร์บุกจับกุม ซึ่งแฟนสาวเพิ่งย้ายมาทำงานที่นี่ได้ประมาณ 1 เดือน ส่วนตนขี่รถจักรยานยนต์ส่งเอกสารและจะเข้ามารับแฟนสาวที่คลินิกเป็นประจำทุกวัน

ที่ผ่านมาตนสงสัยมาโดยตลอดว่าตึกดังกล่าว เป็นสำนักงานทนายความจริงหรือไม่ ทำไมทุกครั้งเห็นเด็กวัยรุ่นผมทองใส่กางเกงขาสั้นออกมายืนสูบบุหรี่ บางคนสูบบุหรี่ไฟฟ้า ลักษณะไม่มีใครแต่งตัวเหมือนทนายความ รวมไปถึงไม่พบทนายความแม้แต่คนเดียว

"2 วันที่ผ่านมา พบรถ 10 ล้อบรรทุกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มาส่งที่สำนักทนายความแห่งนี้ ตอนนั้นผมเริ่มสงสัยแล้วว่าที่นี่เปิดเป็นบริษัทเงินกู้หรือไม่ จนวันนี้แฟนสาวโทรไปบอกว่าตำรวจมาเต็มบริษัทเลย ผมจึงร้องอ๋อ และเคยได้รับข้อความเป็นลิงก์พวกเงินกู้ แต่ผมก็ไม่เคยคิดที่จะกู้ครับ" ชาวบ้าน กล่าว

ขณะที่นายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือ หมอปลา มือปราบสัมภเวสี เดินทางไปรอที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ก่อนขึ้น ไปดูแก๊งแอดมินที่ตำรวจคุมตัวไว้ พร้อมกับนายไพศาล และโกบอย แต่เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้พูดคุย เนื่องจากอยู่ระหว่างสอบสวน วันนี้จึงยังไม่มีการแถลงข่าว

หมอปลา เปิดเผยว่า สำหรับตนต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ เรียกว่าตำรวจน้ำดี ตนอยากให้ตำรวจชุดอื่นเอาเยี่ยงอย่าง อย่าตั้งแค่ด่าน หรือจับเพียงบ่อน ซึ่งเหตุการณ์นี้เพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่กี่วันแต่สามารถจับได้แล้ว หลังจากนี้จะมีการขยายผลจับกุมเพิ่มเติมต่อไป ตนก็อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจัดการพวกนี้ให้หมด เพราะเป็นภัยที่อันตราย จะปล่อยให้มาหลอกลวงประชาชนอยู่ต่อไปไม่ได้

ส่วนวันนี้ที่บุกมาที่ บช.สอท. เพราะตนได้ยินจากแอดมินบางคนอ้างว่า “รู้สึกเฉย ๆ” ก็เพราะว่าคนพวกนี้ไม่มีสามัญสำนึก ตนจึงอยากมาดูหน้า และอยากถามว่าหน้าที่แม่ให้มา ทำไมถึงกล้าทำกับคนไทยด้วยกัน คนพวกนี้ไม่ใช่คน หรืออาจไม่ได้รับการสั่งสอนที่ดีหรือไม่

อย่างไรก็ตาม ตนอยากให้เข้าใจพวกลูกหนี้ว่า เขาทำงานใช้เหงื่อแลกเงิน แต่กลุ่มแอฟฯ เงินกู้ ตนก็เข้าใจว่าทำงานแลกเงินเหมือนกัน แต่เงินที่ได้มาเป็นเงินของคนที่ใช้หยาดเหงื่อแลกมาจ่ายดอก ตนจึงอยากให้ใช้กฎหมายกับคนพวกนี้อย่างหนัก ๆ หากหลุดไปได้ก็จะกระทำซ้ำ ๆ อีกหรือไม่ ตนเชื่อว่าคนพวกนี้เป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการที่ไม่มีสามัญสำนึก แม้จะเป็นลูกจ้างก็ตาม

นายไพศาล เรืองฤทธิ์ ทนายความสำนักงานไพศาล เรืองฤทธิ์ พร้อมด้วยนายธนวัฒน์ ชาวสมุทร หรือ โกบอย ได้ลงพื้นที่สังเกตการณ์ด้วย โดยทนายไพศาล กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้เป็นความร่วมมือจากทีมงานหลายฝ่าย เพื่อช่วยเหลือเคสที่จ.กำแพงเพชร จากนั้นจึงประสานพล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) พร้อมส่งข้อมูลหลักฐานที่ได้มา โดยเฉพาะข้อมูลว่ามีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่เกี่ยวข้อง ซึ่งตนไม่เชื่อว่านายตำรวจท่านนี้จะมีส่วนเกี่ยวข้อง แต่คงเป็นแค่การแอบอ้าง แต่ก็เป็นหน้าที่ของตำรวจไซเบอร์ที่จะต้องตรวจสอบขยายผลต่อไป

ในวันนี้ที่พวกตนลงพื้นที่ ก็ยังสงสัยว่าแอปฯ เงินกู้พวกนี้มีการจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายได้อย่างไร พร้อมกับจดทะเบียนเป็นสำนักงานกฎหมาย ซึ่งตนจะประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเข้าตรวจสอบด้วย และจะต้องตรวจสอบด้วยว่าผิดพระราชบัญญัติการทวงถามหนี้หรือไม่ รวมไปถึงพระราชบัญญัติเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราและลักษณะการทวงหนี้มีการข่มขู่ประจาน

ดังนั้น ทั้งหมดต้องมีหน่วยงานทั้งกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม MDES, กระทรวงการคลัง, ธนาคารแห่งประเทศไทย รวมไปถึงเครือข่ายมือถือ เพราะมีการส่งข้อความเป็นลิงก์ หน่วยงานเหล่านี้ต้องช่วยกัน เพราะตอนนี้ยังไม่มีพระราชบัญญัติส่วนบุคคลในการบล็อกโดเมนพวกนี้ได้ ส่วนบัญชีม้าที่อยู่ตามธนาคาร ตนอยากให้มีการตรวจสอบ เนื่องจากเข้าขายการฟอกเงิน ส่วนบริษัทแอปฯ เงินกู้ ตนเชื่อว่าเป็นนายทุนต่างชาติและใช้คนไทยทำร้ายคนไทยด้วยกันเอง

สำหรับการจับกลุ่มในวันนี้ เป็นบริษัทที่เปิดแอปฯ เงินกู้ทั้งหมด 6 แอปฯ ใหญ่ ๆ และมีแอปฯ ย่อย ๆ อีกจำนวน 40 แอปฯ เจ้าหน้าที่กำลังขยายผล ซึ่งตนต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ที่เข้ามาช่วยบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับประชาชน อย่างไรก็ตาม พวกตนจะยังไม่นิ่งนอนใจ เนื่องจากตนและโกบอยได้เปิดแฟนเพจผู้เสียหายแอปฯ เงินกู้เถื่อน ซึ่งตอนนี้มีผู้เสียหายมากกว่า 100,000 ราย มูลค่าไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท เพราะตนจะไม่หยุดทำงานตรงนี้

“สำหรับวันนี้ถือได้ว่า ทำส่วนหนึ่งที่ได้รับปากกับผู้เสียชีวิตไว้ เป็นช่วงเวลาไม่ถึง 10 วัน สุดท้ายอยากจะบอกกับผู้เสียชีวิตว่า ตามที่คุณเขียนไว้ว่าอยากนอนตายตาหลับ ขอให้เชื่อเช่นเดิม ทนายไพศาล, โกบอย และหมอปลาทำอยู่ และขอให้ไปสู่สุคติครับ หลับให้สบาย ตรงนี้ขอให้เป็นหน้าที่เรา” ทนายไพศาล กล่าวทิ้งท้าย