จากกรณีที่นายอภินัย ทองศรี อายุ 51 ปี ชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อาชีพคนขับรถตู้รับส่งพนักงาน ถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส ริมถนนโรจนะ หน้าซุ้มทางเข้าวัดคานหาม พื้นที่ ม.4 ต.คานหาม อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อช่วงค่ำวันที่ 28 ต.ค. 64
ก่อนที่นายอัมฤทธิ์ สุนทรพฤกษ์ อายุ 53 ปี ผู้ก่อเหตุ ได้ติดต่อประสานฝ่ายปกครองอำเภออุทัย เพื่อขอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในวันเดียวกัน โดยจากการสอบปากคำ อ้างว่าสาเหตุเกิดจากเรื่องชู้สาว เนื่องจากภรรยาแอบไปคบหากับนายอภินัย ผู้บาดเจ็บนั้น
ทีมข่าวลงพื้นที่เกิดเหตุ ริมถนนโรจนะ หน้าร้านก๋วยเตี๋ยว ในพื้นที่ ม.4 ต.คานหาม อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา พบว่าบนถนนมีการวงกลมแสดงสัญลักษณ์จุดเกิดเหตุ และจุดที่พบปลอกกระสุนปืน บริเวณท้ายรถกระบะของ นางวิไลวรรณ ผ่องประชุม อายุ 44 ปี แม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยว มีเลือดเป็นทางยาว
ขณะที่กล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุ บันทึกภาพขณะคนเจ็บเดินออกมาจากซอยตลาด เมื่อเดินไปถึงรถตู้ มีเสียงดังโวยวายว่า "เห้ย" คาดว่าเป็นการพูดคุยกันระหว่างมือยิงกับคนเจ็บ จากนั้นประมาณ 1 นาที มีเสียงปืนดังขึ้น 3 นัดติดกัน หลังจากนั้นก็มีเสียงโวยวายว่า "ยิงทำไม"
ด้านนายหนึ่ง (นามสมมติ) เพื่อนร่วมงานมือปืน เล่าว่า นายอัมฤทธิ์เป็นคนดี เป็นคนตั้งใจทำงาน เวลาจะออกทำงานตนเองกับนายอัมฤทธิ์ก็จะออกไปช่วยเหลือประชาชนด้วยกันตลอด
ส่วนปัญหาส่วนของนายอัมฤทธิ์ ตนเองก็คิดว่าคงจะเต็มที่กับเรื่องราวที่เกิดขึ้น เนื่องจากนายอัมฤทธิ์มักจะมาเล่าปัญหาครอบครัวให้ฟังตลอดเวลา จนเองก็ได้ปลอบใจ และให้กำลังใจพร้อมบอกให้ใจเย็น ๆ แต่ก็มาเกิดเรื่องจนได้ ซึ่งเมื่อเช้าก็ได้คุยกับเพื่อนก็มีอาการเครียดพร้อมกล่าวขอโทษ และรู้สึกผิดในสิ่งที่ทำลงไป
นายอัมฤทธิ์ ผู้ก่อเหตุ เปิดใถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า ตนไม่สบายใจเรื่องทั้งคู่มานานแล้ว ที่เขาแอบคุยกับภรรยามาเป็นปีแล้ว จนมา 4 เดือนหลังนี้หนักขึ้น อาการพฤติกรรมเมียเปลี่ยนไป เลยแอบติดตามค่อยดู ก็พบว่าเป็นจริงอย่างที่เขาว่ากัน ซึ่งคืนเกิดเหตุเขาไปคุยเขาก็รู้ว่าเรามีปืน พอกอดต่อยกันก็แย่งปืนกัน จึงลั่นใส่ พอเขาล้ม ตนก็เดินกลับเลย ไม่คิดจะยิง
ทั้งนี้ ตนแค่ต้องการจะคุย แต่เขาคอยหลบตลอด และเคยเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เรียน ตอนนี้เสียใจคือเพื่อนกัน แต่เพื่อนก็เกินทำร้ายน้ำใจเพื่อนมากเกินไป เรื่องมันเกิดขึ้นมาขนาดนี้แล้ว ก็ขออโหสิให้กันและกัน
นางจอย (นามสมมติ) ภรรยาผู้ก่อเหตุ เปิดใจยอมรับว่า ตนเคยคบหากับนายอภินัย คนเจ็บจริง แต่หลังสามีจับได้ก็เลิกไปแล้ว ประมาณ 2 เดือน ซึ่งสามีก็ยังระแวงและพูดเรื่องเก่า ก่อนเกิดเหตุ 2 วัน สามีถามว่ารักตัวเองหรือไม่ ตนไม่ตอบ เพราะขี้เกียจพูดไม่อยากทะเลาะกัน คาดว่าสามีอาจจะน้อยใจ คิดว่าตนไม่รักแล้ว จึงก่อเหตุดังกล่าว
โดยตนเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยอมรับว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิด แต่ก็คิดว่าสามีไม่น่าเอาอนาคตตัวเองไปทิ้งแบบนี้ วันนี้ได้เข้าไปเยี่ยมสามีที่สถานีตำรวจ สามีก็คุยกับตนดี ไม่ได้โกรธกัน ยืนยันว่าจะรอสามีออกมาจากคุก ส่วนฝั่งคนเจ็บ ตนไม่ได้พูดคุยแต่อย่างใด
ด้านนายเอ (นามสมมติ) ลูกชายผู้ก่อเหตุ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ประมาณ 2-3 ปี นายอัมฤทธิ์ ผู้เป็นพ่อ บอกตนว่าแม่คบกับนายอภินัย คนขับรถตู้ แต่ตนไม่เชื่อพ่อ เพราะแม่ปฏิเสธมาตลอด กระทั่งช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาสังเกตว่าแม่คุยโทรศัพท์นาน และไม่ได้คุยกับพ่อ จนจับพิรุธได้ว่าแม่คบหากับนายอภินัยจริง ซึ่งตนก็พยายามห้ามแม่ แต่แม่ปฏิเสธ
โดยแม่มีพฤติกรรมเปลี่ยนไป ชอบออกไปข้างนอกคนเดียวบ่อย ๆ และใช้เงินมากขึ้น ก่อนหน้านี้เป็นหนี้ประมาณ 100,000 บาท ตนก็เคลียร์ให้ทั้งหมด แต่เพิ่งมาทราบช่วงหลังว่ายังมีหนี้อีกประมาณ 60,000 บาท และชอบขอยืมเงินลูก ๆ ตนจึงคิดว่าแม่น่าจะเอาเงินไปให้นายอภินัยใช้ ส่วนพ่อก็ยังมีอาการเครียด แต่ไม่ได้เล่าอะไรให้ตนฟัง เพียงแต่บอกว่าสบายใจที่ลูก ๆ เชื่อแล้ว
กระทั่งเกิดเหตุตนตกใจมาก ไม่คิดว่าพ่อจะตัดสินใจแบบนี้ โดยตนได้เข้าเยี่ยมและให้กำลังใจพ่อ ยืนยันว่าไม่โกรธพ่อ แต่กลับสงสารมากกว่า คิดว่าคงแค้นมากถึงทำแบบนี้ "ตนโกรธแม่มาก คิดว่าถ้าแม่ไม่คบคนอื่นก็คงไม่เป็นแบบนี้ ตอนนี้ยังไม่คุยกับแม่ เพราะไม่รู้จะคุยอะไรกัน"
