จากกรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กเผยแพร่ข้อมูลให้ตามหาคนร้ายที่แอบลักลอบขโมยสายรถไฟฟ้าสายสีแดง วอนให้เข้ามอบตัวเนื่องจากการกระทำดังกล่าวกระทบต่อการเดินรถไป และความปลอดภัยของรถไฟฟ้าสายสีแดง
วันที่ 20 ต.ค. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินมายังมา บริเวณริมรถไฟ ใกล้เทพรัตน์แมนชั่น ถนนกำแพงเพชร 2 แขวง จตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร จากการที่พลเมืองดีในชุมชน กม.11 พบเห็นบุคคลต้องสงสัย และได้รวบตัวผู้ต้องสงสัย 1 ราย คือนายซาแระห์ ตาเหร์ อายุ 34 ปี ชาว จ.นราธิวาส พร้อมของกลางเป็นลวดทองแดง ที่ได้มีการลอกปอกทิ้งเอาไว้ น้ำหนักประมาณ 3 กิโลกรัม
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจรถไฟนพวงศ์ เดินทางมายังพื้นที่ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย โดยได้มีการพูดคุยกับผู้ต้องสงสัย พร้อมพาเดินไปชี้ยังจุดที่พบลวดทองแดง ทางด้านนายซาแระห์ ผู้ต้องสงสัย ให้การปฏิเสธ ไม่ทำการชี้จุด แต่บอกเพียงว่าเป็นพื้นที่ที่พบขดลวดทองแดงบริเวณจุดดังกล่าว
นายซาแระห์ ตาเหร์ อายุ 34 ปี ผู้ต้องสงสัย ระบุว่า ตนเองเดินทางเข้าไปยังเส้นรางรถไฟเพื่อไปหาเพื่อน และพบเห็นชายตัวเล็ก ทรงผมรองทรง สีผิวมองไม่ชัด ไม่แน่ใจว่ามีหนวดหรือไม่ เพราะว่าปิดหน้ากากอนามัยไว้ เห็นชายรายดังกล่าวกำลังตัดสายไฟฟ้าปอกสายอยู่ เมื่อเห็นตนก็ตกใจ และวิ่งแล้วทิ้งลวดทองแดงเอาไว้
สาเหตุที่ตนเองเดินไปนั้นจะเดินไปหาเพื่อน ไม่ได้เป็นผู้ก่อเหตุ แต่ยอมรับว่าเป็นคนเก็บลวดทองแดงทั้งหมดเอาไว้จริง เนื่องจากอยากจะเก็บเอาไว้ แต่ไม่ได้ให้การยอมรับว่าจะนำลวดทองแดงไปขาย ตนเองต้องการเก็บลวดทองแดงเอาไว้ให้คนดู
เมื่อทีมข่าวสอบถามว่าเหตุใดไม่แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ นายซาแระห์ ระบุว่า ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงนำลวดทองแดงเก็บใส่กระเป๋าทั้งหมด โดยตนเองเก็บลวดไว้ตั้งแต่เมื่อช่วงดึกของวันที่ 19 ต.ค. 64 ที่ผ่านมา ประมาณ 20.00 น. นอกจากนี้ บ่ายวันนี้ตนเองเดินถือลวดทองแดงออกมา เพื่อที่จะมาถามผู้คนว่าจะทำอย่างไรดี เผื่อเจอคนรู้จักจะได้สอบถามว่ามีคนทิ้งสิ่งของแบบนี้เอาไว้แล้วตนเองเก็บได้จะทำเช่นไร ยืนยันว่าไม่ได้ทำงานกันเป็นทีม
ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจรถไฟนพวงศ์ ได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยเดินทางไปยังสถานีตำรวจรถไฟนพวงศ์ เพื่อรอให้ทางเจ้าหน้าที่รถไฟผู้เสียหายติดต่อเข้ามายังสถานีตำรวจรถไฟนพวงศ์ เหตุที่ต้องควบคุมตัวเอาไว้นั้นเนื่องจากมีพยานเห็นเหตุการณ์พบว่า นายซาแระห์ เป็นผู้ที่เก็บรวบรวมของกลางที่เป็นลวดทองแดงของสถานีรถไฟ โดยจะนำตัวไปสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อขยายผลหาผู้สมรู้ร่วมคิด หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องต่อไป เนื่องจากผู้ต้องสงสัยรายนี้ ไม่ใช่คนเดียวกันกับที่อยู่ในกล้องวงจรปิด
นอกจากนี้ เมื่อมีการเปรียบเทียบภาพจากเหตุการณ์เก่าพบว่ามีชายรูปร่างเล็ก คล้ายกับบุคคลในภาพจากกล้องวงจรปิดที่ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา เคยถูกจับกุมในคดีคล้ายกัน และอยู่ระหว่างการสืบสวนเพื่อตรวจสอบว่าเกี่ยวข้องกันอย่างไร
