พ่อแก๊งล้อมบ้านเศร้าลูกตายยังถูกด่า ขอหยุดล้างแค้น "ไพศาล" ฮึ่มใครขู่บาส (คลิป)

17 ต.ค. 64

กรณีวันที่ 13 ต.ค. 64 สน.เพชรเกษม รับแจ้งว่าผู้ก่อเหตุทราบชื่อ นายณัฐวุฒิ พึ่งฤกษ์ดี หรือ บาส อายุ 21 ปี ได้ใช้อาวุธมีดสปาต้า ยาว 18 นิ้ว และอาวุธมีดปลายแหลมยาว 15 นิ้ว รวม 2 เล่ม ไล่แทงและฟันกลุ่มวัยรุ่นเจ้าถิ่นที่มารวมตัวกันหาเรื่องบริเวณหน้าบ้านพัก ในหมู่บ้านสุขสันต์ 6 ซอย 39 ถนนกาญจนาภิเษก แขวงหลักสอง เขตบางแค กทม. มีผู้เสียชีวิต 2 ราย กระทั่งวันที่ 15 ต.ค. 64 ศาลได้อนุมัติให้ประกันตัวผู้ก่อเหตุ ด้วยหลักทรัพย์ 500,000 บาท

372039

ที่วัดนินสุขาราม แขวงบางบอน เขตบางบอน กรุงเทพฯ ซึ่งวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จัดพิธีสวดพระอภิธรรมทางศาสนา และในวันที่ 17 ต.ค. 64 จะจัดพิธีฌาปนกิจ สถานที่ตั้งสวดพระอภิธรรมศพของผู้ตายทั้ง 2 คน ตั้งอยู่ติดกัน ช่วงเย็นของวันนี้ ญาติพี่น้องและคนใกล้ชิด และเพื่อนของผู้ตายได้เดินทางมาร่วมงานกันร่วม 100 คน

204486

พ่อของนายธิติวุฒิ กลิ่นโพธิ์ หรือ แซม อายุ 19 ปี ผู้ตาย อยู่ในอาการโศกเศร้าเสียใจ กล่าวขอบคุณทีมข่าว แต่ไม่ขอให้สัมภาษณ์อีกแล้ว เพราะตอนนี้จิตใจย่ำแย่มาก ญาติพี่น้องของนายแซมระบุว่า ตอนนี้ไม่ว่าจะพูดอะไรออกไปก็ถูกสังคมด่าทอถึงวงศ์ตระกูล ทั้งที่เพิ่งสูญเสียคนในครอบครัวไป ส่วนเรื่องคดีความทั้งหมด ตอนนี้ทางครอบครัวไม่ติดใจแล้ว ถ้าผู้ก่อเหตุจะเข้ามาขอขมา ทุกคนก็ยินดี เพราะไม่อยากจะให้อาฆาตต่อกันไป และหลังจากเกิดเรื่อง ทุกคนที่โพสต์ไว้อาลัยให้กับผู้ตายต่างถูกด่าทอ และโจมตีอย่างหนัก

สำหรับเรื่องที่มีหลายคนออกมาโพสต์ในเฟซบุ๊กในเชิงว่า รู้จักกับผู้ตายดี และมีการด่าทอ พร้อมกับกล่าวท้าทาย ทางญาติพี่น้องอยากจะให้ช่วยตรวจสอบ เพราะบางส่วนทางญาติพี่น้องแทบจะไม่รู้จักด้วยซ้ำ และบางส่วนก็น่าจะเป็นเฟซบุ๊กที่สร้างขึ้นมาป่วน

646249

จากนั้นทีมข่าวเดินทางมาที่ สถานที่ตั้งพิธีสวดพระอภิธรรม ของนายสมเดช ดุลยพัฒน์ หรือ ต้น อายุ 25 ปี ซึ่งตั้งอยู่ศาลาติดกัน แม่ และพี่ชายของนายสมเดช ผู้ตาย ยังทำใจไม่ได้ และมีกระแสข่าวโจมตีครอบครัวค่อนข้างเยอะ แม่ของผู้ตายอายุมากแล้ว จึงไม่อยากจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

817144

ในส่วนของเพื่อนผู้ตาย ที่เดินทางไปสอบปากคำ และโกนหัวเตรียมตัวจะบวช ขณะนี้ยังบวชไม่ได้ เพราะต้องจัดการเรื่องคดีความให้เสร็จสิ้นก่อน แต่วันนี้ได้มีญาติพี่น้องบางส่วน ซึ่งบวชเป็นเณรเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้เสียชีวิต สำหรับในวันพรุ่งนี้ จะเป็นพิธีฌาปนกิจ ซึ่งเวลาประมาณ 14.00 น. จะเป็นพิธีประชุมเพลิงของนายสมเดช ดุลยพัฒน์ หรือ ต้น อายุ 25 ปี

835548

ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ เปิดเผยว่า หลังจากที่ตนเองเห็นข้อความที่มีการโพสต์ในกลุ่มเด็กวัดม่วง มีการพูดคุยทำนองว่าจะบุกมาที่หน้าบ้านของหมอปลา ข้อความเหล่านั้นถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ขอเตือนวัยรุ่นที่คึกคะนอง อาจมีการโพสต์ด้วยคำที่ไม่ทันได้คิด ให้ระมัดระวัง ตอนนี้กำลังดูเรื่องของข้อกฎหมายเตรียมที่จะเอาผิด คนที่มีการโพสต์ทั้งหมดตนเองก็ได้มีการเก็บข้อมูลเอาไว้แล้ว พร้อมที่จะดำเนินคดีทันที

ตนเองมองว่าเหตุการณ์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะเรื่องของนายณัฐวุฒิก็พอจะเป็นบทเรียนให้เห็นบ้างแล้ว เกี่ยวกับการกระทำที่บุกรุกหรือเข้ามาหาเรื่องภายในรั้วบ้าน ถ้าหากกลุ่มของเด็กวัยรุ่นบุกเข้ามาที่บ้านจริง อาจไม่ใช่เพียงแค่ถูกแทงหรือได้รับบาดเจ็บ อาจมีสิ่งที่คาดไม่ถึงอีกหลายเรื่อง เพราะในบ้านของหมอปลาก็ยังมีตนเองในฐานะทนายที่ยังรู้กฎหมาย สามารถดำเนินการเอาผิดกับกลุ่มที่บุกรุกเข้ามาได้

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการแจ้งข้อกล่าวหากับคู่กรณีของนายณัฐวุฒิ ข้อหาทำร้ายร่างกายจิตใจผู้อื่น และบุกรุก โดยเบื้องต้นตนเองบอกว่าหากเอกสารรับรองทางแพทย์ยืนยันว่ามีการได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องมีการเปลี่ยนข้อกล่าวหา "ทำร้ายผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ" ตนเองเตรียมที่จะแจ้งเพิ่มอีก 4 ข้อหา คือ 1. ซ่องโจร เพราะมีการรวมตัวกันเกินกว่า 5 คน, 2. ข่มขู่ผู้อื่น มีการใช้ถ้อยคำเพื่อข่มขู่ให้คู่กรณีหวาดกลัวตกใจ, 3. ดูหมิ่นผู้อื่น เพราะมีการใช้คำพูดตะโกนด่าทอบริเวณหน้าบ้านตามที่ปรากฏอยู่ในกล้องวงจรปิด, 4. ทำให้เสียทรัพย์ โดยมีการขว้างปาสิ่งของและก้อนหินเข้ามาภายในบ้าน จนทำให้ทรัพย์สินเสียหาย

ดังนั้นตนเองเตรียมที่จะมีการเก็บหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อเอาผิดกับกลุ่มคนเหล่านี้ ถ้าหากพบว่าพนักงานสอบสวนหรือเจ้าหน้าที่ชุดทำงานไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ก็จะมีการเอาผิดเจ้าหน้าที่ตำรวจฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป

กรณีที่นายณัฐวุฒิให้ปากคำและข้อมูลเพิ่มเติมกับทีมทนาย ระบุว่ากลุ่มคนที่มาก่อเหตุไม่ได้มีเพียงแค่ 6 คน แต่มีกลุ่มคนอื่นเกี่ยวข้องคาดว่ามีการดักรอทั้งหน้าบ้านและหลังบ้านนั้น เบื้องต้นตัวเด็กได้มีการเก็บหลักฐานได้ละเอียดเพิ่มเติม หากครบและชี้ว่าบุคคลดังกล่าวเป็นใคร ก็จะสามารถดำเนินคดีร่วมกันได้ทั้งหมด

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส