กรณีโลกออนไลน์แชร์คลิปวิดีโอของผู้ใช้ติ๊กต็อก (TikTok) รายหนึ่ง ซึ่งเป็นคุณครูได้ถ่ายคลิปเปิดกรุรื้อสมบัติฝ่ายกิจการโรงเรียน และไปพบว่ามีโทรศัพท์มือถือของเด็กนักเรียนรุ่นก่อน ๆ ถูกยึดมาตั้งแต่ปี 2555 หรือประมาณ 9 ปีที่แล้วจำนวนหลายเครื่อง จึงกลายเป็นดราม่าและถูกวิจารณ์อย่างหนัก
ล่าสุดวันที่ 13 ต.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี วิดีโอคอลพูดคุยกับ น.ส.นิชนันท์ สิงห์บัว ครูสอนภาษาไทย รร.ฮอดพิทยาคม จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า ตนไม่ได้เป็นครูที่ยึดโทรศัพท์นักเรียน และก็ไม่ได้เครียดเรื่องที่ชาวเน็ตดราม่า เพราะเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 ต.ค.64 ที่ผ่านมา ขณะนั้นตนกำลังขนของเพื่อจะย้ายห้องกิจการนักเรียน จึงไปเห็นของมีค่าที่เคยยึดไว้ เมื่อเปิดไปเจอจึงถ่ายคลิปวิดีโอเอาไว้ เพื่อจะตามหาเด็ก ๆ นักเรียนที่เป็นเจ้าของโทรศัพท์ ซึ่งตนไม่ทันสอนเด็ก ๆ รุ่นดังกล่าว แต่มีครูบางท่านพูดแซว ๆ ว่า "ตอนนี้บางคนก็มีลูก มีครอบครัวไปแล้ว"
ทั้งนี้ โทรศัพท์ดังกล่าวถูกยึดมาจากนักเรียน ซึ่งเท่าที่ตนสอบถามจากครูท่านอื่น ๆ ตามนโยบายของโรงเรียนเมื่อ 10 ปีก่อนนั้น คุณครูจะแจ้งกับผู้ปกครองเสมอว่าไม่อนุญาตให้นักเรียนนำมือถือมาโรงเรียน หรือหากจำเป็นต้องนำมาให้ฝากไว้ที่ครู เมื่อเลิกเรียนแล้วก็ให้มารับคืน เนื่องจากในอดีตโทรศัพท์มือถือไม่ได้มีความจำเป็นต่อการเรียน สืบค้นข้อมูลก็ไม่ได้ ทำให้โรงเรียนไม่อนุญาตนำมาใช้ และหากสูญหายก็จะอยู่ในความดูแลของคุณครู
นอกจากนี้ ตนขอยืนยันว่าปกติแล้วหลังจากยึดโทรศัพท์มือถือ จะแจ้งผู้ปกครองให้มารับคืน ซึ่งตนก็เข้าใจว่านักเรียนบางคนอาจไม่อยากที่จะบอกให้ผู้ปกครองทราบ จึงต้องทิ้งโทรศัพท์เอาไว้ โรงเรียนก็ยังเก็บไว้ที่เดิมเป็นอย่างดี ขณะนี้มีประมาณ 8-9 เครื่อง ตอนนี้ก็ยังไม่มีใครติดต่อกลับมาแต่อย่างใด
"ส่วนตัวมองว่าไม่ได้ขโมย หรือทำอะไรผิด ครูก็คิดว่ามันเป็นกฎระเบียบของโรงเรียน ทุกอย่างทำตามระเบียบ ถึงแม้ครูไม่ได้เป็นคนยึด ดราม่าอาจจะไปจี้โดนความรู้สึก แต่สมัยนี้ไม่มีการยึดแล้ว นักเรียนพกมือถือมาได้ปกติ และครูก็เป็นเหมือนโค้ชให้นักเรียน" น.ส.นิชนันท์ กล่าวทิ้งท้าย
