ภรรยา มอร์ มอร์กะจาย อัปเดตโควิดลงปอดถูกทำลายไป 60% มือ-เท้า บวม จากเอฟเฟกต์ยา

11 ต.ค. 64

หลังอดีตนักร้องดัง มอร์ มอร์กะจาย หรือ มอร์ ธนพัชร์ ซัวเกษม วัย 61 ปี เจ้าของเพลงดังอย่าง “เพียงเธอหลับตา” ติดโควิด-19 และเข้ารับการรักษาตัวตั้งแต่เมื่อวันที่ 30 กันยายน 64 ที่โรงพยาบาลพญาไท นวมินทร์ โดยภรรยาแจ้งข่าวว่า ปอดของพี่มอร์ ถูกทำลายไปเยอะมากถึง 60% อีกทั้งครอบครัวทั้งหมด 5 ชีวิต ก็ติดโควิดกันหมด คุณพ่อ –คุณแม่ (ของภรรยา), คุณพลอย ภรรยา และลูกชายน้องพอล วัย 3 ขวบ 5 เดือน

ล่าสุดวันที่ 10 ตุลาคม 2564 คุณพลอย ภรรยาของ มอร์ มอร์กะจาย ได้แจ้งอาการพี่มอร์ว่า "ตอนนี้อาการของพี่มอร์ดีขึ้นมากกว่าวันแรกๆ คุณหมอก็บอกว่า ดีขึ้นแบบน่าตกใจเหมือนกัน เพราะตอนแรกที่พี่มอร์กินยาฟาวิพิราเวียร์ เอาเชื้อโควิดไม่อยู่ ยังไม่ดีขึ้น พอเปลี่ยนยามาตัวใหม่ มา 2 วัน ร่างกายเริ่มตอบสนองดี ค่าการอักเสบของร่างกายลดลง พอค่าการอักเสบมันลดลง ร่างกายจะค่อยๆฟื้นฟู แต่ตอนนี้ออกซิเจนยังต่ำอยู่ ประมาณ 93 (ปกติไม่ควรต่ำกว่า 96) เพราะต้องใช้ระยะเวลาฟื้นฟูปอดด้วย เพราะปอดโดนทำลายไปมาก"

"ตอนนี้พี่มอร์ ทานข้าวได้ แต่คุณหมอจะไม่ให้ทานเยอะ เพราะว่าการที่เป็นโควิด ต้องระวังเรื่องน้ำตาลมาก น้ำตาลจะขึ้นง่าย ต้องควบคุมอาหารเหมือนคนเป็นเบาหวานเลย ห้ามกินแป้งเยอะ ห้ามขนมหวาน ห้ามทานน้ำหวาน ให้ทานได้แค่น้ำเปล่า พี่มอร์ก็มีบ่นอยากกินนู่นนี่บ้าง"

"ส่วนเรื่องสภาพจิตใจของพี่มอร์ แรกๆ แกก็กลัว เพราะว่ามันแย่มาก แต่พอเราผ่านมันมาได้ คุณหมอก็คอยให้กำลังใจ มีภรรยาและลูกดูแลอยู่ใกล้ๆ ก็คงไม่เหงา แกก็อาจจะมีท้อบ้าง เพราะว่า แกลุกทำอะไรเองไม่ได้ ไม่ค่อยมีแรง เหนื่อยง่าย ยังลุกช่วยเหลือตัวเองในการไปเข้าห้องน้ำไม่ได้ ตอนนี้มีอาการมือ – เท้าบวมร่วมด้วย ผลมาจากเอฟเฟกต์ของยาต่างๆ ยาฆ่าเชื้อ และยารักษาโควิดอีกหลายตัวและเรื่องของปอดร่วมด้วย พอมือบวมก็หยิบจับอะไรลำบาก ขาบวมพี่มอร์ก็เดินไม่ค่อยสะดวก"

"ตอนนี่มอร์ยังมีอาการเหนื่อย เพลีย ไม่มีแรง ขนาดเดินไปเข้าห้องน้ำยังเหนื่อยเลย ต้องมีคนช่วย พูดคุยไม่สะดวก เพราะคุณหมอสั่งห้ามพูดเยอะ มันจะทำให้ปอดทำงานมาก เพราะจะเหนื่อยเกินไป แกต้องนอนนิ่งๆ พักผ่อนเยอะๆ และยังมีอาการไอ แต่ไม่มีเลือดออกมาปนแล้ว มีเพียงแค่เสมหะ เพราะว่าค่าการอักเสบลดลง ไข้ก็ไม่มีแล้ว"

"แต่มีบางวันที่พี่มอร์ กินยาบางตัวเข้าไป ความดันสูงปี๊ดขึ้นมาเลย เมื่อคืนก็รีบเรียกพยาบาลกันเพราะความดันเขาขึ้นสูงถึง 196 มันสูงมาก และพี่มอร์มีอาการปวดหัวมาก น่าจะเกิดจากผลข้างเคียงของยา ทำให้แกเบลอ เราก็พยายามให้แกจิบน้ำร้อน คุณหมอคาดว่า อีก 2-3 วัน หากได้ลดยาฆ่าเชื้อ และยาอื่นๆ ลง อาจจะทำให้ร่างกายดีขึ้น"

"ส่วนเรื่องปอดของพี่มอร์เอง คุณหมอแจ้งว่า ดีขึ้น แต่มันต้องใช้ระยะเวลาฟื้นฟูนาน ซึ่งก็ไม่สามารถกำหนดเวลาได้ แกก็ถามคุณหมอว่า จะกลับมาร้องเพลงได้อีกหรือไม่ คุณหมอก็บอกว่า มันต้องใช้เวลา เพราะเรื่องของปอด ก็ต้องใช้เวลารักษาเหมือนกัน แกก็คงคิดมากจากคนเนียบๆ เป๊ะๆ วันหนึ่งมาเป็นแบบนี้ เราก็คอยปลอบแกว่า เดี๋ยวหายแล้วค่อยออกกำลังกายได้ ค่อยกลับมาฟิตใหม่
ส่วนตัวคุณพลอยเอง อาการดีขึ้นมากแล้ว ปอดก็ดีขึ้น มีแค่เรื่องผลข้างเคียงจากการรักษาคือ โรคแผลในกะเพาะ เพราะว่าเราได้รับยาสเตรียรอยด์มาเยอะ และตอนนี้ก็มีอาการหิวบ่อย มีเลือดออกเวลาขับถ่ายบ้างแต่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ คาดว่าจะได้ออกจากโรงพยาบาลคือ วันที่ 15 ตุลาคม แต่หากถึงวันนั้นพี่มอร์ยังไม่ดีขึ้น คือ ยังต้องใช้ออกซิเจน หรือยังต้องนอนนิ่งๆ บนเตียง เราเองก็ยังไม่อยากกลับ เพราะว่า อยากดูแลเขาก่อน เขายังช่วยเหลือตัวเองไม่ค่อยไหว"

959354

"สำหรับ น้องพอล ลูกชายวัย 3 ขวบ 5 เดือน ดีขึ้นมาก ยังเล่นซนได้ปกติ เขาไม่รู้ตัวเลยว่าเหนื่อย อาการแรกๆ ที่เขาเป็นเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2564 นั้นหนักมาก เลือดออกจมูก ถ่ายเป็นเลือด คุณหมอก็บอกว่า ถือว่า หนักมากในเด็กที่เป็นวัยเพียงเท่านี้ แต่ตอนนี้เขากลับมาแข็งแรง ร่างกายเขาฟื้นฟูดี น้องพอล มีกำหนดออกจากโรงพยาบาลได้ในวันพรุ่งนี้ 11 ตุลาคม 2564 แต่เราไม่อยากให้คนอื่นเลี้ยงลูก เพราะว่า กลัวไปหมด ก็อาจจะรอให้ออกพร้อมเรา เราสองคนอาจจะออกก่อนพี่มอร์"

"ด้านคุณแม่ของพลอย วัย 65 ปี ยังอยู่ในห้อง ICU คุณแม่ยังต้องนอนติดเตียง ขับถ่ายบนเตียง ใช้สายออกซิเจนด้วย แต่ว่าก็ดีขึ้น ยังพูดคุยได้ ก็จะอัปเดตอาการคุณแม่ทุกวัน คุณหมอก็ให้เฝ้าระวังโรคแทรกซ้อนทุกๆ วัน เพราะว่าโรคที่เกี่ยวกับปอด เป็นโรคที่ฉับพลัน และคุณแม่มีโรคประจำตัวด้วย โรคหอบ และไทรอยด์เป็นพิษ กับหัวใจเต้นผิดจังหวะ ถือว่าอาการคุณแม่ก็หนักพอๆ กันกับพี่มอร์เลย หากคุณแม่มีอาการแทรกซ้อนก็จะวุ่นวายเลย"

"ส่วนคุณพ่อวัย 66 ปี แม้ว่าท่านจะมีโรคประจำตัวคือ โรคหัวใจ ท่านออกจากโรงพยาบาลไปตั้งแต่เมื่อวานนี้ (9 ตุลาคม 64) ถือว่าท่านปอดแข็งแรงสุดเลย คุณหมอบอกว่า ปอดคุณพ่อไม่เป็นอะไรเลย"

"สุดท้ายขอบคุณทุกๆ กำลังใจ ที่ส่งมาให้ พี่มอร์แกรับรู้ แกน้ำตาซึมเลย แกดีใจที่หลายๆคนยังคิดถึงและเป็นห่วง ให้ครอบครัวเราผ่านวิกฤติความเป็นความตาย เพราะตอนเราเป็น เราก็ไม่ได้ตั้งตัว แต่พอได้รับรู้ถึงทุกๆ กำลังใจที่ส่งมา เราก็ดีใจ มันคือสิ่งที่ช่วยเติมเต็มเวลาที่เราท้อได้จริงๆ"

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ศิลปินดังยุค 90 มอร์ มอร์กะจาย ติดโควิด19 เชื้อกินปอด 60 เปอร์เซ็นต์ ห้ามลุกจากเตียง!

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ข่าวบันเทิง เป็นกระแส