เมื่อวันที่ 1 ต.ค.64 เวลา 14.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุเรือล่มซ้ำ บริเวณกลางเเม่น้ำเจ้าพระยา ใกล้เคียงสะพานอโยธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดเรือลากจูงและเรือขนส่งล่มไปก่อนหน้านี้ โดยเจ้าหน้าที่กำลังเร่งค้นหา
ล่าสุดทีมข่าวลงพื้นที่จุดเกิดเหตุบริเวณโรงสีเก่า บ้านบางกะจะ ต.สำเภาล่ม อ.พระนครศรีอยุธยา โดยพบว่าจุดเกิดเหตุอยู่ใกล้กับจุดจอดเรือลากจูง ติดกับบ้านริมน้ำ ห่างจากจุดเรือล่มที่วัดพนัญเชิง ประมาณ 300 เมตร
ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายมานพ เต่าหอม อายุ 56 ปี เจ้าของเรือ กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุตั้งแต่ช่วงเช้า ได้นำเรือไม้คันเกิดเหตุ ชื่อว่า เรือโค้ชมานพ 97 ซึ่งปกติเป็นเรือลากจูง มาช่วยในภารกิจค้นหาผู้สูญหายเหตุเรือล่มที่วัดพนัญเชิง จากนั้นช่วงบ่ายเรือเหล็กของตนที่ชื่อว่าเรือโสภา 77 ลอยไปอยู่ที่วัดไก่เตี้ย ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 5 กิโลเมตร ตนจึงชวนเพื่อนอีกคนขึ้นเรือโค้ชมานพ 97 ไปด้วยกัน เพื่อไปเอาเรือเหล็กกลับมา
เมื่อไปถึงที่วัดไก่เตี้ย ตนขับเรือเหล็กกลับ ส่วนเพื่อนขับเรือไม้ ระหว่างทางจู่ ๆ เรือไม้ค่อย ๆ จมจากส่วนท้ายเรือ ส่วนเพื่อนกระโดดขึ้นเรืออีกลำได้อย่างปลอดภัย ตนจึงวนเรือกลับไปเพื่อดันให้เรือไม้อยู่ใกล้ฝั่งที่สุด โดยตอนนี้เรือยังจมอยู่ในน้ำ รอให้น้ำลดจึงทำการกู้ขึ้นมา
ส่วนสาเหตุคาดว่า สายส่งน้ำซึ่งทำหน้าที่ส่งน้ำจากตัวปั๊มเข้าเครื่องยนตร์เพื่อทำการหล่อเย็นน่าจะหลุด ทำให้น้ำเข้าเรือ ทั้งนี้เรือโค้ชมานพ 97 เป็นเรือเก่าแก่ตกทอดมา อายุกว่า 100 ปีแล้ว หลังจากนี้คาดว่าจะกู้และนำเฉพาะเครื่องยนต์มาใช้งานต่อ ส่วนตัวเรือก็น่าจะบริจาคให้กับวัดต่อไป
นายสุชาติ ปานทอง อายุ 54 ปี คนขับเรือลำเกิดเหตุ เปิดเผยว่า ขณะที่ตนกำลังขับเรือโค้ชมานพ 97 จู่ ๆ น้ำเริ่มปริ่มจากกาบข้างขวาของเรือ จึงพยายามพาเรือเข้าตลิ่ง และพยายามเร่งเครื่อง แต่น้ำเข้าเรือมากขึ้นจนเรือเริ่มจม ตนจึงขับเรือเข้าไปใกล้เรือที่จอดอยู่ริมตลิ่ง และกระโดดขึ้นไปบนเรือลำดังกล่าวพร้อมพยายามดึงเชือกจากเรือโค้ชมานพ 97 เพื่อประคองเรือไว้ แต่ไม่สามารถทำได้ จึงต้องปล่อยให้เรือจม
โดยตนคาดว่าสาเหตุน่าจะมาจากตัวเครื่อง จุดสายส่งน้ำหลุดทำให้น้ำเข้าเรือ ทั้งนี้ ยอมรับว่าใจเสียตอนเกิดเหตุ ต้องรีบตั้งสติและกระโดดออกจากเรือก่อนเรือจมลงไป เพราะไม่เช่นนั้นหากจมไปพร้อมเรือ ตัวก็จะถูกดูดจมหายไปด้วย ไม่สามารถขึ้นมาได้อย่างแน่นอน
