เปิดวงจรปิดมัดแก๊งฆ่าโบกปูน หัวโจกเผ่นข้ามแดน สุดอึ้งที่ดินอาถรรพ์ตั้งศาลข่ม (คลิป)

วันที่ 17 ก.ค. 64 ตำรวจ สน.บางเสาธง รับแจ้งพบศพถูกฆาตกรรม ฝังไว้ใต้พื้นบ้าน ภายในคฤหาสน์หรู ซอยบางเชือกหนัง 7 แขวงบางเชือกหนัง เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ ที่เกิดเหตุเป็นคฤหาสน์ พื้นที่ราว 4 ไร่ มีรั้วรอบขอบชิด แบ่งเป็น 2 โซน ในโซนบ้านคฤหาสน์ ส่วนที่เกิดเหตุอยู่โซนที่กำลังสร้างบาร์กาแฟขนาดใหญ่

จุดเกิดเหตุอยู่ใต้พื้นบ้าน 2 ชั้น พบศพนายสิทธิโชค หรือ ช่างสน สาโรจน์ อายุ 42 ปี นอนหงายอยู่ใต้พื้นบ้านที่ทรุดสูงประมาณ 30 ซม. สวมผ้าขาวม้า กางเกงในสีแดง ถูกห่อด้วยผ้าม่านสีครีม ถูกปิดบังด้วยแผ่นคอนกรีตสำเร็จโบกปูนทับ ฟูกที่นอนพิงกำแพงตัวบ้านไว้อีกชั้น ล่าสุด ตำรวจออกหมายจับผู้ต้องหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและซ่อนเร้นอำพรางศพ โดยจับกุมได้แล้ว 2 คน คือ นายทรงพล ต๊ะปิง หรือ รุ่ง และนายวัฒน์ หรือ ธีรวัฒน์ สุขราช

วันที่ 20 ก.ค. 64 ที่ สน.บางเสาธง ยังไม่พบญาติของผู้ต้องหาเดินทางมาเยี่ยมผู้ต้องหา อีกทั้งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมรถจอด และเตรียมเอกสารข้อมูล สำรับนำตัวผู้ต้องหาหาทั้ง 2 คน เข้าฝากขังต่อศาลอาญาตลิ่งชัน เช้าวันนี้ผู้ต้องหายังไม่มีทีท่าแสดงออกถึงความเครียด และนอนหลับอยู่ภายในห้องขังปกติ มีการเปลี่ยนเสื้อผ้าที่สวมใส่เป็นชุดใหม่ นายวัฒน์สวมใส่เสื้อสีขาว กางเกงขาสั้น ส่วนนายรุ่งสวมใส่เป็นเสื้อสีฟ้าอ่อน กางเกงขายาว

เวลา 13.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ นำตัวผู้ต้องหาลงจากห้องขังขึ้นรถไปฝากขัง ผู้สื่อข่าวได้ถามว่าต้องการพูดอะไรหรือไม่ ผู้ต้องหาไม่มีทีท่าที่ต้องการพูด เมื่อถามถึงเหตุการณ์ที่อ้างว่าถูกนายจะหวะขู่ด้วยมีด เพื่อให้ช่วยเคลื่อนย้ายศพจริงหรือไม่ ผู้ต้องหาพยักหน้ายอมรับ เมื่อถามว่าอยากบอกอะไรกับครอบครัวผู้เสียชีวิตหรือไม่ นายรุ่งตอบว่า "เสียใจครับ"

ขณะที่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ทีมข่าวเดินทางลงพื้นที่ไปยังคฤหาสน์หรูจุดเกิดเหตุ เจ้าของคฤหาสน์หรูนิมนต์พระสงฆ์ 9 รูป จากวัดอินทราวาส พุทธมณฑลสาย 1 มาประกอบพิธีทำบุญบ้าน เป็นการอุทิศส่วนกุศลให้กับนายสิทธิโชค และเพื่อความเป็นสิริมงคลเรียกขวัญกำลังใจให้กับคนงานในบ้าน

มีการตั้งโต๊ะถวายเครื่องเซ่นไหว้กลางแจ้ง เลี้ยงถวายให้กับเจ้าที่เจ้าทาง หลังจากนั้นได้เดินทางไปที่ศาลหลักบ้าน เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ปกปักรักษาในพื้นที่ของคฤหาสน์ หลังจากเสร็จสิ้นพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ได้นำน้ำมนประพรมภายในพื้นที่ และบริเวณจุดที่ซุกซ่อนศพของช่างสนใต้บ้าน

นายแนน เจ้าของบริษัทภายในพื้นที่ใกล้กับคฤหาสน์ เปิดเผยว่า ในอดีตเกือบ 80 ปี สมัยนั้นมีคุณพระเจ้าคุณศรี หรือเจ้าคุณประหยัด จากวัดสุทัศน์ เป็นผู้เดินทางมาตั้งศาลหลักบ้านแทนศาลพระภูมิ และศาลตายายในพื้นที่ดินผืนใหญ่พื้นนี้ ก่อนที่จะมีการแบ่งขาย และแบ่งเช่า เดิมทีเป็นเจ้าของคนเดียวกัน และการตั้งศาลหลักบ้านในสมัยนั้นก็มีโหนหลวงมาเป็นผู้ตั้งศาล

โดยสมัยนั้นคุณพระเจ้าคุณศรี ได้มีการนั่งวิปัสสนาแล้วเห็นในนิมิตเกี่ยวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในพื้นที่ ได้มาตั้งศาลหลักบ้าน เพื่อเชิญพระพุทธรูปซึ่งเป็นตัวแทนของเจ้าพระชัยภูมิธมวโร อดีตเจ้าอาวาสวัดโคกน้ำผึ้ง แต่สิ่งที่เป็นนิมิตตนเองขอไม่เปิดเผยว่าเป็นเรื่องอะไร แต่เป็นสิ่งที่เล่าขานกันมา อดีตเจ้าอาวาสวัดโคกน้ำผึ้งมาอยู่ที่แห่งนี้ และขอให้มีการตั้งศาล เพื่อเป็นการสยบสิ่งชั่วร้ายบางอย่าง ให้คนที่มาอยู่อาศัยอยู่อย่างร่มเย็นเป็น อีกทั้งที่ดินแห่งนี้เป็นที่ดินที่ค่อนข้างแรง มีเรื่องสิ่งลี้ลับที่มองไม่เห็น

การทำบุญใหญ่ในวันนี้ก็ขึ้นอยู่กับความเชื่อว่าจะไปในทิศทางดีหรือไม่ดี เพราะทุกอย่างเกิดจากความคิด และความเชื่อของคน ตัวเองไม่สามารถแสดงความเห็นได้ว่าทำบุญไปแล้วทุกอย่างจะดีขึ้นหรือไม่

วันนี้มีช่างและคนงานบางส่วนเริ่มกลับเข้ามาทำงานตามปกติแล้ว ส่วนโครงการก่อสร้างร้านกาแฟมีช่างเฟอร์นิเจอร์เข้ามาประกอบเฟอร์นิเจอร์ และอุปกรณ์ภายในร้านกาแฟบางส่วน สำหรับการก่อสร้างอื่น ๆ ยังหยุดชะงัก เพราะเนื่องจากคนงานส่วนใหญ่ไปช่วยเตรียมทำบุญใหญ่ และติดเรื่องให้ปากคำเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน

นายบูรณ์ (นามสมมติ) คนดูแลคฤหาสน์ เปิดเผยว่า ตอนนี้เริ่มกลับมาเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว วันนี้มีช่างซึ่งเป็นช่างของเฟอร์นิเจอร์เข้ามาทำงานตกแต่งภายในร้านกาแฟ แต่ส่วนงานอื่น ๆ ยังไม่ได้ก่อสร้าง ส่วนเรื่องของการใช้ชีวิตของคนงานภายในบ้านวันนี้ ยอมรับว่าบางส่วนก็เกิดอาการจิตตก ผวาหลังจากที่มีคนตาย บ้านหลังดังกล่าวก็เป็นบ้านพักของคนงานชั่วคราว ทำให้ตอนนี้ทุกคนตัดสินใจย้ายออกมาอาศัยอยู่ที่ห้องพักด้านบนตึกใหญ่กับตนเองทั้งหมด ไม่มีใครกล้านอนอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าว เพราะคิดไปเองว่าดวงวิญญาณของช่างสนจะยังวนเวียนอยู่ แต่ตัวเองก็ยังไม่เจอวิญญาณแต่อย่างใด

ส่วนวันนี้ที่ สน.บางเสาธง มีการนำตัว 2 ฝากขังต่อศาลจังหวัดธนบุรี คือนายรุ่ง นายทรงพล ต๊ะปิง, นายวัฒน์ ธีรวัฒน์ สุขราช ตนเองก็ยังไม่มีโอกาสได้เจอหรือพูดคุยกับภรรยาของนายวัฒน์ เพราะตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมาได้เดินทางไปที่โรงพัก เรื่องของแนวทางการประกันตัว ตนเองคิดว่าคงไม่มีใครประกันตัวแน่นอน เพราะส่วนใหญ่ก็เป็นเพียงแค่ลูกจ้างคนงานทั่วไป

ทั้งนี้ ตนเองอยากจะให้นายจะหวะ พงษ์เทิดไท มีการมอบตัวกับพนักงานสอบสวน เพราะถึงอย่างไรก็คงหนีไม่พ้น ส่วนช่างรับเหมาคนใหม่ที่จะเข้ามาทำงานแทนช่างสน ตนเองก็ไม่รู้ว่าเจ้าของคฤหาสน์จะมีการว่าจ้างให้ใครเข้ามาทำงานแทน เพราะตอนนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยถึงเรื่องนี้

นายโย (นามสมมติ) คนงานช่างในคฤหาสน์ เปิดเผยว่า หากย้อนกลับไปในคืนวันเกิดเหตุ ตนเองพอจะทราบว่าช่างสนนั่งดื่มกินอยู่กับนายรุ่ง นายวัฒน์ และนายจะหวะ ส่วนตนยังคงยืนยันว่ามีการเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ ไม่รู้ว่าเลิกดื่มกินกันกี่โมง และที่สำคัญไม่รู้ว่ามีการก่อเหตุช่วงเวลากี่โมง ขณะที่ขึ้นนอนชั้น 2 ก็ไม่ได้ยินเสียงคนทะเลาะกันเสียงดัง กระทั่งรุ่งเช้าก็มาทราบว่าช่างสนหายตัวไป ตอนนั้นก็ช่วยกันออกตามหาแต่ก็ไม่มีใครเอะใจว่าจะกลายเป็นศพอยู่ใต้บ้าน แล้วคนที่กินเหล้าด้วยกันก็ใช้ชีวิตตามปกติ มีเพียงแค่นายจะหวะที่กลับบ้านในเช้าวันรุ่งขึ้นเท่านั้น

ขณะที่กล้องวงจรปิดบริเวณหน้าห้องของช่างสน มีการบันทึกช่วงวินาทีที่นายรุ่ง กับนายจะหวะ ไปเรียกให้ช่างสนออกมาดื่มเหล้าด้วยในช่วงเวลา 22.16 - 23.00 น. ตนเองได้เห็นจากกล้องวงจรปิดของตำรวจแล้ว ยืนยันว่าเป็นนายจะหวะกับนายรุ่งที่ไปเรียกให้ช่างสนออกมาดื่มเหล้าด้วย ช่วงที่ปรากฏอยู่ในกล้องวงจรปิด ไม่ได้เห็นพฤติกรรมว่าใครทำร้ายใคร ตอนนั้นช่างสนก็ยังไม่เสียชีวิต แต่เหตุการณ์หลังจากนั้นตนเองก็ไม่สามารถคาดเดาได้ จนถึงวันนี้ก็ยังไม่รู้สาเหตุที่เกิด มีแต่ทราบจากคำให้ปากคำของคนงาน 2 คน ที่โดนจับไปก่อนหน้า ส่วนตัวยืนยันว่าไม่ได้รู้เห็นและไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ทุกอย่างก็มีการให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปแล้ว

ทั้งนี้ ตนเองก็ยังคงทำงานเป็นลูกจ้างของที่นี่ต่อ ไม่ได้หนีหรือย้ายไปไหน เพียงแค่ย้ายที่นอนจากบ้านหลังใหญ่ที่มีศพใต้ถุนบ้าน เพียงแค่ย้ายไปอาศัยอยู่กับลุงบูรณ์ เพราะคนงานส่วนใหญ่ทุกคนก็ย้ายไปอยู่รวมกันหมดแล้ว อย่างไรก็ตาม อยากจะบอกให้นายจะหวะมอบตัว ตอนนี้ทุกคนก็อยากรู้สาเหตุว่าทำไมถึงก่อเหตุฆาตกรรมช่างสน แล้วนำร่างไปซ่อนอยู่ที่ใต้บ้าน

เมื่อเวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสอบสวน เดินทางมาที่คฤหาสน์หรู เข้าไปสอบปากคำคนในบ้าน โดยเฉพาะเจ้าของคฤหาสน์ เบื้องต้นเป็นการสอบปากคำเพิ่มเติมในส่วนที่ยังไม่เสร็จ ประเด็นเรื่องความขัดแย้ง และชนวนเหตุก่อนหน้านี้ที่คาดว่าอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้นายจะหวะมีการก่อเหตุทำร้ายร่างกายช่างสน

ความคืบหน้าปฏิบัติการล่าตัวนายจะหวะ ลาหู่เมอเน่อ หรือ พงษ์ ผู้ต้องหา หลบหนีกลับบ้านในพื้นที่ หมู่ 4 ต.เทอดไท อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ตั้งเเต่วันที่ 11 ก.ค. 64 เข้ากักตัวในกระท่อมกลางป่านอกหมู่บ้าน ห่างจากชุมน 2 กิโลเมตร แล้วหลบหนีออกจากกระท่อมไปเมื่อวันที่ 18 ก.ค. 64

ล่าสุด เจ้าหน้าที่มีการปูพรมค้นหาอย่างต่อเนื่อง ได้เบาะเเสว่านายจะหวะหลบหนีเข้ามาในเขตพื้นที่หมู่บ้านม้งเเปดหลัง ต.เเม่สลองใน อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ระยะทางห่างจากบ้าน 40 กิโลเมตร หมู่บ้านอยู่ตะเข็บชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน สามารถเดินเท้าผ่านช่องทางธรรมชาติได้

นายสอ อายุ 18 ปี น้องชายของนายจะหวะ พาทีมข่าวไปดูกระท่อมจุดที่พี่ชายใช้กักตัว กระท่อมดังกล่าวอยู่กลางป่า นอกหมู่บ้าน ระยะทางห่างจากบ้านประมาณ 2 กิโลเมตร ลักษณะเป็นกระท่อมไม้ไผ่ หลังคามุงด้วยหญ้าคา ภายในกระท่อมพบกระเป๋าเสื้อผ้าสีดำ 1 ใบวางอยู่ ในกระท่อมยังพบร่องรอยการประกอบอาหาร พบกองฟืน มีร่องรอยการจุดไฟ มีหม้อ 2 ใบ ถูกล้างคว่ำไว้อย่างดี ส่วนด้านนอกกระท่อม พบแคร่ไม้ไผ่ที่เพิ่งสร้างไว้ ข้างกันกับแคร่พบขวดสุรา 1 ขวด มีราวตากผ้าที่เพิ่งสร้างไว้

นายสอ เปิดเผยว่าพี่ชายโทรศัพท์มาหา 9 ก.ค. บอกว่าจะกลับบ้าน จนกระทั่งวันที่ 11 ก.ค. พี่ชายเดินทางจากกรุงเทพฯ ลงจากรถที่หมู่บ้านเทิดไทย ห่างจากหมู่บ้านของตน 2.5 กิโลเมตร ตนได้นำรถจักรยานยนต์ไปจอดไว้ให้ พี่ชายก็ขี่รถคันดังกล่าวมาที่กระท่อมนี้ สำหรับสิ่งของที่พี่ชายนำติดตัวมา มีกระเป๋าเสื้อผ้า บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋องใส่ถุงมาเป็นจำนวนมาก เป็นเสบียงในการกักตัว ซึ่งตนก็ได้นำข้าวสารมาให้ 1 กระสอบ

นายสอ บอกว่าลักษณะนิสัยของพี่ชาย ตอนอยู่ที่บ้านเป็นคนดี ไม่เคยดื่มเหล้า หลังจากย้ายไปอยู่กรุงเทพฯ ก็ไม่ทราบว่าเป็นอย่างไร ซึ่งตนเองไม่ทราบมาก่อนว่าพี่ชายเพิ่งฆ่าคนตาย เพราะเขาดูปกติ ไม่มีท่าทีแปลก จนกระทั่งช่วงเช้าของเมื่อวานมีตำรวจเข้ามาที่บ้าน บอกให้ตนไปเรียกพี่ชายที่กระท่อม เมื่อมาถึงก็ไม่พบเเล้ว ไม่ทราบว่าหนีไปตั้งเเต่เมื่อไร ส่วนตัวก็รู้สึกเสียใจโดยเฉพาะแม่ ตอนนี้เครียดหนักถึงขั้นนอนไม่หลับ

ขณะเดียวกัน ในหมู่บ้านตามเส้นทางต่าง ๆ ที่อยู่ใกล้ตะเข็บชายเเดน ในพื้นที่ ต.เเม่สลองใน มีด่านตรวจด่านสกัดของชุดเฉพาะกิจ กรมทหารม้าที่ 3 ด่านดังกล่าวจะป้องกันคนลักลอบข้ามชายเเดน ป้องกันการลักลอบขนสิ่งผิดกฎหมาย ตรวจรถเข้า-ออกทุกคัน หากเป็นรถยนต์ เมื่อเข้าด่านจะต้องจอด ลดกระจก และเปิดประตู ส่วนรถจักรยานยนต์ต้องจอดและเปิดเบาะเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจค้น ในด่านมีเจ้าหน้าที่ 5-6 นาย ตรวจตลอด 24 ชั่วโมง

จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ ระบุว่าเบื้องต้นได้รับการประสานเรื่องคนร้ายหลบหนี ก็ได้มีการเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจมากขึ้น มีการสังเกตรูปพรรณของคนที่ขับผ่านด่านด้วยว่ามีความใกล้เคียงกับคนร้ายหรือไม่ เจากการตรวจ 2-3 วันที่ผ่านมา ยังไม่พบ คาดว่าคนร้ายอาจเดินลัดเลาะตามป่าเขา ไม่ได้เดินตามถนน เพื่อหลบเจ้าหน้าที่

นายธนชิต แซ่ว่าง ผู้ใหญ่บ้านม้งแปดหลัง เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเวลา 06.30 น. ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ ว่ามีคนร้ายหนีคดี เข้ามาในพื้นที่หมู่บ้าน แจ้งรูปพรรณสันฐาน รูปร่างผอม สูงประมาณ 160 เซนติเมตร ตนเองตกใจมาก เพราะถือเป็นบุคคลอันตราย จึงได้ประกาศเสียงตามสายให้ชาวบ้านช่วยกันสอดส่อง ส่งรูปถ่ายนายจะหวะให้ชาวบ้านช่วยกันดู

จากนั้น เวลาประมาณ 11.00 น. ตำรวจ ทหาร ลงพื้นที่ลาดตระเวนในหมู่บ้าน แต่ก็ไม่พบ เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อมูลว่านายจะหวะมีญาติอยู่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้านด้วย การเดินทางจากบ้านของนายจะหวะมาที่หมู่บ้านม้งแปดหลัง หากนายจะหวะเดินเท้าใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง และจากหมู่บ้านม้งแปดหลังไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ระยะทางเพียง 1 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินข้ามประมาณ 15-30 นาที

ดังนั้น จึงคาดว่านายจะหวะ อาจมีการเดินลัดเลาะตามป่าเขามา คิดว่าตัวนายจะหวะคงหนีออกประเทศเพื่อนบ้านไปเเล้ว เพราะด้วยระยะเวลา 2-3 วัน นับจากวันที่หลบหนีออกจากกระท่อมถือว่านานพอสมควร นายจะหวะเป็นคนที่ชำนาญป่า จึงคาดว่าอาจหนีไปได้ไกลแล้ว

นางนะคะ อายุ 60 ปี แม่ของนายจะหวะ กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตอนนี้ตนเครียดมาก กินไม่ได้นอนไม่หลับ อยากให้ลูกมอบตัวกับตำรวจ ช่วงนี้ฝนตกทุกวัน ตนก็เป็นห่วงลูกว่าจะกินจะอยู่ในป่าอย่างไร เมื่อคืนที่ผ่านมาตำรวจได้เชิญตัวแม่และน้องชายไปสอบปากคำที่ สภ.แม่ฟ้าหลวง ตำรวจถามว่ามีญาติอยู่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้านไหม ติดต่อลูกได้หรือไม่ ยังหลบหนีในพื้นที่หรือไม่ ตนก็ให้การว่าไม่มีญาติอยู่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้านมีกัน 4 คนแม่ลูก ส่วนพ่อเสียชีวิตไปเมื่อ 5 เดือนที่แล้ว ตอนนี้ยังติดต่อลูกไม่ได้ ไม่ทราบว่าลูกหนีไปที่ไหน

สำหรับการเดินป่า ลูกชายมีความชำนาญป่าในพื้นที่ ต.เทอดไทย ส่วนป่าพื้นที่อื่นทั้งหมู่บ้านม้งแปดหลัง หรือฝั่งประเทศเพื่อนบ้านก็ไม่ทราบว่าลูกเคยไปหรือไม่ เพราะนิสัยส่วนตัวของเขา เวลาไปไหนก็จะไม่เคยบอก