กรณีพ.ต.อ.ณรงค์ศักดิ์ พรมทา รอง ผบก.ภ.จว.นครสวรรค์ สั่งการให้ พ.ต.ท.สุทธินันท์ คงแช่มดี ผกก.ฝ่ายสืบสวน ตำรวจภูธร จ.นครสวรรค์ พร้อมเจ้าหน้าที่นำกำลังเข้าจับกุมตัว นายขุนทอง สมบูรณ์ อายุ 41 ปี ภายในบ้านหลังหนึ่ง ต.หัวดง อ.เก้าเลี้ยว จ.นครสวรรค์ ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีฆ่า นายไพรฑูร ชำนาญเวศ อายุ 70 ปี เพื่อนบ้าน เวลา 17.00 น. ของวันที่ 23 เม.ย.64 ที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านของผู้ต้องหาไปประมาณ 400 เมตร
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้พร้อมกับของกลางที่ใช้ในการก่อเหตุ เป็นมีดทำครัวปลายแหลม 1 ด้าม ซึ่งผู้ต้องหาได้นำไปปักแอบเอาไว้ในถังใส่ดินบริเวณกำแพงบ้านข้างบ้านผู้ตาย
จากการตรวจสอบพบว่า ในที่เกิดเหตุพบร่องรอยคล้ายการต่อสู้ขัดขืน เนื่องจากมีข้าวของบางส่วนกระจัดกระจาย โดยนายไพรฑูร นอนเสียชีวิตยู่บนแคร่ไม้ บริเวณโซนใต้ถุนบ้าน สภาพมีรอยบาดแผลถูกของมีคมฟันที่บริเวณใต้ลำคอ 2 แผล
นายขุนทอง ให้การรับสารภาพว่า วันเกิดเหตุได้นำเหล้าขาว 1 ขวด มานั่งดื่มกับผู้ตายที่บ้านตามปกติ เนื่องจากนับถือเป็นเหมือนพ่อคนหนึ่ง แต่ในระหว่างดื่มกินกัน ตนได้บอกกับผู้ตายว่า แบกกระสอบข้าวสารที่บ้านไปแลกซื้อเหล้าจากร้านของชำ ผู้ตายจึงดุด่าว่า “มึงถึงขนาดต้องเอาข้าวสารไปแลกเหล้าแล้วเหรอ” พร้อมกับใช้มือตบที่ศีรษะตนอย่างแรง ด้วยความโมโห ตนจึงคว้ามีดทำครัวที่วางอยู่ใกล้กับตัวผู้ตาย แทงเข้าที่คอ ก่อนปาดซ้ำ จนผู้ตายสิ้นใจจมกองเลือด จากนั้นก็ได้เดินกลับไปหลบอยู่ภายในบ้านพัก ทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ล่าสุดวันที่ 25 เม.ย.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้เดินทางมายังบ้านของนายไพรฑูร ชำนาญเวศ ต.หัวดง อ.เก้าเลี้ยว จ.นครสวรรค์ พบเป็นบ้านไม้ 2 ขั้น ค่อนข้างเก่า ชั้นบนเป็นห้องโล่ง ไม่ได้ใช้งาน ส่วนชั้นล่างบริเวณแคร่ ยังคงพบคราบเลือด และมุ้งที่คาดว่าผู้ตายใช้นอน
จากข้อมูลที่ได้รับไม่มีใครเห็นเหตุการณ์ โดยผู้ตายอาศัยอยู่เพียงลำพัง เก็บของเก่าขายเป็นงานอดิเรก มีหลานชายวัย 14 ปี ที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกันคอยส่งข้าวในช่วงเช้าและเย็น
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาแก่นายขุนทอง 1 ข้อหา ได้แก่ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา โดยจะนำตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดนครสวรรค์ในวันพรุ่งนี้ (26 เม.ย.64) สำหรับข้าวสารที่ผู้ต้องหานำไปขาย เพื่อแลกเป็นเงิน คือ ข้าวสารที่ผู้ต้องหาใช้กินภายในบ้านของตัวเอง โดยนำใส่กระสอบไปขาย 1 กิโลกรัม ได้เงินมา 30 บาท ก่อนจะนำไปซื้อเหล้าขาว
โดยหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานและออกหมายจับแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้เดินทางไปเชิญตัวผู้ต้องหาที่บ้านพัก ในเวลา 13.00 น. วันที่ 24 เม.ย.64 พร้อมทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
ทีมข่าวได้รับภาพจากกล้องวงจรปิด จำนวน 2 คลิป คลิปที่ 1 ความยาว 23 วินาที เผยให้เห็นว่าในเวลา 08.37 น. ผู้ต้องหาได้ถือถึงข้าวสารมาจากบ้าน เพื่อเดินทางไปยังบ้านของผู้ตาย โดยจะนำข้าวสารไปขาย เพื่อนำเงินไปซื้อเหล้าขาว
คลิปที่ 2 ความยาว 27 วินาที เผยให้เห็นว่า ในเวลา 10.21 น. ผู้ต้องหาได้ลงมือฆ่าผู้ตายแล้ว ไม่มีถึงข้าวสารในมือ บริเวณแขนขวาของผู้ต้อง มีคราบเลือดติดอยู่
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางจันทรา สมบูรณ์ พี่สาวผู้ก่อเหตุ ซึ่งร้องไห้ออกมา บอกกับทีมข่าวว่า ผู้ก่อเหตุไม่ได้ตั้งใจ ผู้ตายกับผู้ก่อเหตุสนิทกัน นับถือกันเป็นเหมือนพ่อลูก แต่ในวันเกิดเหตุผู้ตายสั่งสอนผู้ก่อเหตุและตบเข้าที่ศีรษะ จึงทำให้ผู้ก่อเหตุโกธรและขาดสติ หลังจากก่อเหตุก็เมากลับมานอนที่บ้าน ไม่ได้คิดหนีไปไหน
ทั้งนี้ตนได้เข้าไปเยี่ยมผู้ก่อเหตุที่ห้องขังเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ผู้ก่อเหตุร้องไห้ด้วยความเสียใจบอกว่า “ไม่ได้ตั้งใจ คิดว่าแค่แทงและปาดคอ ผู้ตายไม่น่าจะเสียชีวิต ถ้าเขาไม่ตบผมคงไม่ขาดสติ ผมขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจจะฆ่า ถ้าได้ออกจากคุก จะเลิกเหล้า จะบวชให้ผู้ตาย” ผู้ก่อเหตุเป็นคนติดสุราถึงขั้นสมองมีปัญหา คล้ายจะเป็นอัลไซเมอร์ เคยเดินหลงทางไปไกล แต่ไม่เคยทำร้ายใคร
อย่างไรก็ตาม ตนยอมรับว่าผู้ก่อเหตุผิดผิดตั้งแต่นำข้าวสารที่ใช้ประทังชีวิตไปขาย เพื่อนำเงินไปซื้อเหล้า การที่ผู้ตายสั่งสอนก็สมควรแล้ว ซึ่งตนก็เห็นว่าผู้ก่อเหตุทำไม่ถูก ตนคงไม่ประกันตัวผู้ก่อเหตุ เพราะไม่มีเงิน จากนี้ตนจะหาโอกาสเข้าไปร่วมงานศพผู้ตาย และขอโทษครอบครัวผู้ตาย ซึ่งตนคงไม่มีปัญญาจะชดเชยอะไรให้ คงทำได้เพียงช่วยจัดงานศพ ตนหวังว่าศาลจะเห็นใจว่าผู้ก่อเหตุป่วย จากนี้ขอให้เป็นหน้าที่ของศาล อีกทั้งตนก็อยากจะขอให้สังคมเข้าใจเช่นกันว่า ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุสลดเช่นนี้
สำหรับงานศพของผู้ตายถูกจัดขึ้นที่วัดหัวดงใต้ โดยคืนนี้จะจัดพิธีสวดพระอภิธรรมเป็นคืนที่ 2 (สวด 3 คืน) ก่อนจะทำพิธีฌาปนกิจในวันที่ 27 เม.ย.64
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางสำอางค์ ชำนาญเวศ อายุ 67 ปี ภรรยาผู้ตาย บอกว่า ตนแยกกันอยู่กับสามีได้ 20 ปีแล้ว เนื่องจากสามีติดสุราอย่างหนัก โดยทางครอบครัวจะคอยส่งข้าวไปให้ผู้ตายทุกเช้าเย็น ซึ่งในวันเกิดเหตุ หลานชายวัย 14 ปี ได้นำข้าวไปให้ตามปกติ เวลา 17.30 น. แต่กลับพบว่าผู้ตายถูกปาดคอเสียชีวิต ทำให้หลานชายตะโกนว่า “ปู่” แล้ววิ่งหนีออกมาแจ้งครอบครัว เมื่อทุกคนรีบไปดูเหตุ ก็พบว่าเลือดแห้งแล้ว น่าจะเสียชีวิตมาตั้งแต่ช่วงเช้า
ทั้งนี้ตนรู้สึกเวทนาผู้ตาย เนื่องจากผู้ตายชรามากแล้ว ร่างกายไม่แข็งแรง แค่ผลักล้มก็คงเสียชีวิต ไม่น่าถูกฆาตกรรมแบบนี้ ตนได้ฟังคำรับสารภาพของผู้ก่อเหตุแล้ว ผู้ก่อเหตุโกธรที่ถูกผู้ตายสั่งสอน ซึ่งโดยปกติผู้ตายก็มักจะสั่งสอนผู้ก่อเหตุบ่อยครั้ง เนื่องจากผู้ก่อเหตุชอบเอาของใช้ภายในบ้านไปขายแล้วนำไปซื้อสุรา
อย่างไรก็ตาม ตนก็คิดว่าผู้ก่อเหตุน่าจะบันดาลโทสะไปชั่ววูบ เพราะทั้ง 2 คนรักกันดี ไม่น่าจะเป็นการโกธรสะสม ประกอบกับผู้ก่อเหตุเมาและสติไม่ค่อยดี เพราะติดสุราและเคยติดยาเสพติด จึงก่อเหตุขึ้น ทั้งนี้หลังจากเกิดเหตุ ตนยังไม่ได้พูดคุยกับครอบครัวผู้ก่อเหตุ แต่คงได้เจอกัน ตนไม่ได้อยากจะเรียกร้องอะไร ตนไม่โกธร เพียงแค่เวทนาผู้ตายว่าไม่ควรมาตายในสภาพนี้ อีกทั้งยังรู้สึกสงสารผู้ก่อเหตุที่ต้องมีตราบาปในใจ ตนไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุเช่นนี้ เพราะผู้ตายชรามากแล้ว จากนี้ตนก็ขอปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย หลังจากทำพิธีฌาปนกิจแล้ว ตนจะนำอัฐิไปเก็บไว้ที่บ้านของครอบครัว
Advertisement