พ่อเศร้ารับศพ "มายด์" เหยื่อเคนมผง ยืดอกรู้ลูกติดยา บ้านปาร์ตี้ขอโทษปล่อยมั่วสุมทำตาย (คลิป)

จากกรณีมีการแพร่ระบาดของยาเสพติดชนิดใหม่ โดยใช้ชื่อว่า “เคนมผง” จนส่งผลให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่างพากันเสียชีวิตวันเดียวกว่า 10 ราย ทั่วเขตพื้นที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 10 ม.ค.64 ต่อเนื่องวันที่ 11 ม.ค.64 ที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น

ล่าสุดวันที่ 11 ม.ค.64 เวลา 12.00 น. ที่สถาบันนิติเวช รพ.จุฬาฯ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มญาติของผู้เสียชีวิต เริ่มทยอยเดินทางมายื่นเรื่องติดต่อขอรับศพเพื่อนำไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาท่ามกลางบรรยากาศที่เศร้าสลด

นายสุรจิต เมตตาจิตต์ อายุ 56 ปี กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า เดินทางมารับศพน.ส.สุทธิณี เมตตาจิตต์ หรือ มายด์ อายุ 24 ปี ลูกสาวที่ประกอบอาชีพเป็นพีอาร์ของสถานบันเทิง ปกติลูกสาวตนมีอุปนิสัยชอบเสพยาเสพติดทุกวันมานานกว่า 1 ปี แต่ทุกครั้งที่จะเสพมักออกอุบายให้ตนออกไปทำงานนอกบ้าน ซึ่งในวันที่เสียชีวิตตนเห็นสภาพบุตรสาวอาการไม่ค่อยดี จึงห้ามปรามไว้แต่ไม่สำเร็จ โดยลูกสาวให้เหตุผลว่านัดเพื่อนไว้ก่อนออกไปพบในเวลา 20.00 น. ของวันเดียวกัน

หลังจากนั้นตนส่งข้อความไปหาผ่านแอปพลิเคชันไลน์เป็นรูปกับข้าว เพื่ออยากให้กลับมากินข้าวกับลูก ๆ ทั้ง 3 คนของบุตรสาว แต่ก็ไม่มีการเปิดอ่านแต่อย่างใด จนกระทั่งมาทราบข่าวว่าเสียชีวิตดังกล่าว

“ผมเคยเตรียมใจไว้ก่อนแล้วว่า เหตุการณ์ในลักษณะนี้ต้องเกิดขึ้น ซึ่งผมพยายามคอยเตือนสติลูกอยู่ตลอด พยายามเก็บหลักฐาน และไม่ทำให้เขารู้ว่าผมรู้เรื่องที่ใช้สารเสพติด จนมาพบว่ายุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดที่ใช้ชื่อว่าเคนมผง โดยก่อนเสียชีวิต น้องมายด์ได้มากราบเท้าและโผกอดพร้อมพูดว่า รักหนูไหม หนูไม่ดี เหมือนคล้ายเป็นลางบอกเหตุครั้งสุดท้าย” นายสุรจิต กล่าว

นายสุรจิต กล่าวเสริมว่า ทั้งนี้อยากให้เพื่อนสนิทของบุตรสาวตนที่ชื่อน้องพลอย ซึ่งหมดสติและอยู่ในอาการสาหัสฟื้น เพื่อที่จะได้รู้เบาะแสว่าเรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นได้อย่างไร รวมไปถึงเรื่องการทะเลาะเบาะแว้งระหว่างเพื่อนสนิททั้ง 4 คน ที่จู่ ๆ ก็แตกคอกันและหายไปตั้งแต่ช่วงปีใหม่ นอกจากนี้ตนคาดว่าบุตรสาวตนอาจถูกวางยา เพราะก่อนหน้านี้บุตรสาวตนก็เสพยาเสพติดอยู่เป็นประจำ แต่ก็ไม่เป็นอะไร กระทั่งมาเกิดเหตุสลดดังกล่าว โดยหลังจากนี้ตนจะนำร่างบุตรสาวไปยังวัดลาดบัวขาว เพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนาต่อไป

ที่สน.วัดพระไกร เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.วัดพระไกร ได้เชิญตัว นายวิรัฐ หรือป๋อง (สงวนนามสกุล) ที่ร่วมวงเสพยากับผู้เสียชีวิตในซอยจันทร์ 31 มาสอบสวนในฐานะพยาน

โดยนายวิรัฐ เล่าถึงเหตุการณ์ก่อนเกิดเหตุว่า วันที่ 10 ม.ค.64 ที่ผ่านมา กลุ่มพวกตนเริ่มเสพยาเคนมผง และดื่มสังสรรค์กับเพื่อน ซึ่งตนเป็นคนเริ่มเสพยาเคนมผงเป็นคนแรก ขณะที่เสพนั้นได้นั่งดื่มเบียร์ จนมึนเมา และเผลอหลับไป ส่วนคนอื่นนั่งเสพต่อ เมื่อตนตื่นมาอีกทีก็พบผู้ตายเข้ามาในบ้านแล้ว โดยไม่ทราบว่าใครเป็นคนพามา

สำหรับยาเคนมผงที่นำมาใช้เสพนั้น นำมาจากโรงสีย่านพระราม 3 ซึ่งมีคนแนะนำมา โดยซื้อมา 1 ห่อ ราคา 600 บาท โดยตนไม่ทราบว่าเป็นยาเสพติดชนิดใหม่ ทราบเพียงว่ามีลักษณะเป็นนมผง ตนคาดว่าน่าจะมีส่วนผสมอย่างอื่น จึงทำให้ผู้เสพเสียชีวิต และตนเพิ่งเคยลองเสพยาชนิดดังกล่าวเป็นครั้งแรก โชคดีที่ตนไม่เสียชีวิต

ทั้งนี้ตนรู้สึกเสียใจและอยากขอโทษผู้เสียชีวิต เพราะเพิ่งรู้จักกันแค่ 2 วัน และส่วนตัวเป็นห่วงครอบครัวผู้เสียชีวิต เพราะมีลูกถึง 3 คน พร้อมยืนยันไม่ได้ตั้งใจให้เหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น

ขณะเดียวกันนายส่ง (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 55 ปี เจ้าของบ้านและพ่อของนายวิรัฐ เปิดเผยว่า กลุ่มของลูกชายมาสังสรรค์ที่บ้านของตนตั้งแต่เวลา 23.00 น. ของวันที่ 8 ม.ค.64 ที่ผ่านมา โดยมากัน 4 คน เป็นหญิง 2 คน ชาย 2 คน และลูกชายตน 1 คน ซึ่งถือเบียร์มาดื่มประมาณ 4-5 ขวด พอรุ่งเช้าของวันที่ 9 ม.ค.64 เวลาประมาณ 06.00 น. ลูกชายและเพื่อนยังดูมีอาการที่มึนเมามาก พอช่วงเย็นก็ซื้อกับข้าวมารับประทานอาหารกันตามปกติและหิ้วเบียร์มาด้วย

ทั้งนี้ตนยังสงสัยว่าทำไมลูกชาย และกลุ่มเพื่อนเขาดื่มเบียร์เพียงแค่ 4-5 ขวด ถึงมีอาการเมาแบบนี้ ตนพยายามห้ามปราม แต่ลูกชายก็ไม่เชื่อฟัง ขณะที่กลุ่มลูกชายสังสรรค์กันนั้น ตนไม่ได้ขึ้นไปดู เนื่องจากเกรงใจ โดยกลุ่มเพื่อนของลูกที่มาสังสรรค์ในครั้งนี้ ตนเพิ่งเห็นหน้าเป็นครั้งแรก และไม่รู้จักว่าใครเป็นใคร นอกจากนี้ตนก็ยังไม่เคยพูดคุย รู้เพียงว่าพวกเขามาสังสรรค์เท่านั้น

ภายหลังจากเกิดเหตุ ตนก็ยังไม่ทราบว่ามีคนน็อกยาจนเสียชีวิต กระทั่งกู้ภัยมาจอดรถที่หน้าบ้าน จึงทราบว่ามีผู้เสียชีวิตอยู่ที่บ้านของตน เพราะขณะนั้นไม่มีใครขอความช่วยเหลือ พอขึ้นไปชั้น 2 ของบ้านพบเห็นว่ามีหญิง 2 รายนอนอยู่บนโซฟา 1 ราย และบริเวณพื้น 1 ราย ตนไม่กล้าเข้าไป ส่วนลูกชายของตนนั้นก็ได้แต่นอนหลับ ตนก็ได้นั่งเฝ้า เพราะนอนตั้งแต่ 02.00 น. ของวันเสาร์ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ตนสังเกตว่าลูกชายเริ่มมีพฤติกรรมกลับมาเสพยาเสพติดอีกครั้ง ตั้งแต่ช่วงเทศกาลปีใหม่เพราะดูตาลอย ขับรถด้วยความเร็ว ตนพยายามห้ามปรามลูกชายอยู่เสมอว่า ให้คบเพื่อนให้คบคนที่ดี เพราะลูกชายของตนเคยถูกจับในคดียาเสพติดมาก่อนแล้ว ซึ่งพ้นโทษมาต้นปี 2563 ซึ่งตนคิดเสมอว่าลูกชายคงเป็นคนดีปรับตัวแล้ว

อย่างไรก็ตาม ตนก็คงจะให้ลูกชายถูกดำเนินคดีไป เพื่อรับผิดชอบกับพฤติกรรมที่ก่อขึ้นไว้ ทั้งนี้ตนอยากขอโทษผู้เสียชีวิต และผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากกรณีที่เกิดขึ้น ตนอยากเข้าไปขอโทษกับครอบครัว แต่ก็ไม่ทราบว่าครอบครัวเขาจะให้อภัยตัวตนหรือไม่

ขณะเดียวกัน ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้เดินทางมายังวัดลาดบัวขาว ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพ ของ น.ส.สุทธิณี เมตตาจิตต์ หรือ มายด์ อายุ 24 ปี ซึ่งบรรยากาศภายในงานศพนั้น เต็มไปด้วยความโศกเศร้า และพระกำลังสวดอภิธรรมศพ

โดยนายสุรจิต เมตตาจิตต์ อายุ 56 ปี พ่อของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตนทราบมาก่อนหน้านี้แล้วว่า ลูกสาวมีพฤติกรรมเสพยาเสพติด ตั้งแต่ช่วงมัธยม ลูกสาวเริ่มเสพยามบ้า ยาไอซ์ แต่พอช่วงหลังได้ผ่อนเบาลงไปบ้าง พอย้ายมาอยู่ที่ปัจจุบันลูกสาวก็เริ่มกลับมาเสพยาเสพติดแบบหนักหน่วง ซึ่งที่ผ่านมาทราบเพียงว่าลูกสาวเสพ "แป้ง" จงไม่ทราบว่าเสพยาเคผงนม

นอกจากนี้เมื่อมีโอกาสลูกสาวจะพาเพื่อน ๆ เข้ามาเสพยาเสพติดในบ้านของตนอยู่บ่อยครั้ง และไปเสพที่อื่น ที่ผ่านมาพยายามห้ามปรามแล้ว แต่พอช่วงหลังก็ไม่เตือน เพราะเกินเยียวยาแล้ว และเนื่องจาลูกสาวสามารถดูแลตน ดูแลบุตรทั้ง 3 คนได้ จึงได้ปล่อยไป

ที่ผ่านมาถือว่าลูกสาวเป็นเสาหลักของครอบครัว หลังสูญเสียลูกสาวไปก็คงต้องสู้ต่อไป นอกจากนี้ทางบุตรคนโตของลูกสาวก็คงจะทราบแล้วว่าผู้เป็นแม่เสียชีวิต หากภายภาคหน้า ตนก็จะให้หลาน ๆ เรียนรู้จากการเสียชีวิตของแม่ สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนคิดภาพมาก่อนแล้วว่ามันต้องเกิดขึ้น ตนไม่ได้แช่งลูกสาว ตนเคยถามกับลูกสาวว่า หากเกิดอะไรขึ้นไม่มีลูกสาวแล้ว จะให้ตนอยู่อย่างไร ซึ่งทางลูกสาวก็ไม่ตอบ

นายสุรจิต ยังยอมรับว่า ขณะที่เป็นนักเรียนลูกสาวของตนเคยถูกจับกุมในเรื่องของคดียาเสพติด ตนเสียใจกับพฤติกรรมของลูกสาวที่มั่วสุมเสพสารเสพติด นอกจากนี้ตนยังมีลางสังหรณ์ โดยก่อนวันที่ลูกสาวจะเสียชีวิต 1 วัน ลูกสาวเข้ามากอดตน พร้อมกับกล่าวว่า "พ่อรักหนูไหม" ตนก็ตอบว่ารัก พฤติกรรมต้องแสดงให้ตนดู อย่างไรก็ตาม ตนยังติดใจก่อนที่ลูกสาวจะเสียชีวิต มีการทะเลาะกันเกิดขึ้นกับกลุ่มเพื่อน ไม่ทราบว่าเป็นใคร และตนคาดว่าน่าจะเชื่อมโยงกับกลุ่มที่ไปนั่งมั่วสุมเสพยาเสพติด คาดว่าลูกสาวน่าจะถูกมอมยาจนเสียชีวิต ทั้งนี้ตนก็อยากจะฝากถึงกลุ่มเพื่อนที่ลูกสาว ให้หยุดการกระทำดังกล่าว โตแล้วควรคิดได้