กรณีเหตุการณ์ทิ้งเพื่อนให้ตาย หลังกลับจากเที่ยวร้านเหล้าแล้วเกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ล้มข้างทาง ในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ แล้วปล่อยให้เพื่อนจมน้ำเสียชีวิต ทำให้พ่อผู้เสียชีวิตคาใจ ทำไมเพื่อนไม่ช่วยลูกชาย ซึ่งเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเวลาประมาณ 04.00 น. ของวันที่ 12 พ.ย.63 ที่ผ่านมา
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
โจ๋เมาซิ่งชนเสาปล่อยเพื่อนนอนตายในคู พ่อคาใจไม่ช่วยซ้ำใส่กันน็อกแต่ศพมีแผล
ล่าสุดวันที่ 13 พ.ย.63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุ อยู่บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 121-122 ถนนสายบุรีรัมย์-สตึก อ.บ้านด่าน ต.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ พบว่าเป็นทางตรงปกติ 2 เลน บริเวณข้าง ๆ ถนนเป็นคูน้ำขนาดเล็ก โดยจุดที่รถล้มอยู่ห่างจากจุดที่พบศพ ประมาณ 3 เมตร และบริเวณโดยรอบไม่มีบ้านคน หรือกล้องวงจรปิด
จากนั้นทีมข่าวเดินทางไปยังบ้านผู้เสียชีวิต อยู่ในพื้นที่บ้านเลขที่ 181 หมู่ 13 ต.บ้านด่าน อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ ภายในบ้านมีการจัดงานณาปนกิจศพนายณัฐพล หรือ โจ๋ อายุ 19 ปี โดยจะมีกำหนดการประชุมเพลิงที่วัดบ้านดงกระทิง ในวันที่ 16 พ.ย.63 บรรยากาศเต็มไปด้วยญาติพี่น้องที่ต่างมาแสดงความอาลัย
ทีมข่าวได้เข้าไปพูดคุยกับนายหวัน ไสยลา อายุ 50 ปี พ่อผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า สภาพจิตใจขณะนี้รู้สึกเสียใจ กินไม่ได้นอนไม่หลับมา 2 วันแล้ว ทุกครั้งที่นึกถึงหน้าลูก ก็จะรู้สึกเจ็บปวดที่หัวใจ โดยปกตินายณัฐพล อาศัยอยู่ที่ จ.ชลบุรีกับผู้เป็นแม่ ซึ่งเพิ่งปิดภาคเรียนจึงเดินทางกลับมาหาตนที่ จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 10 พ.ย.63 และจะเดินทางกลับ จ.ชลบุรีวันที่ 12 พ.ย.63
คืนวันก่อนเกิดเหตุ นายณัฐพล ขออนุญาตตนไปสังสรรค์กับเพื่อน ๆ ก่อนจะกลับจ.ชลบุรี ซึ่งในเวลาประมาณ 20.30 น. ตนก็กำลังดูข่าวทางช่องอมรินทร์ทีวี 34 แล้วเห็นว่านายณัฐพล นอนเล่นโทรศัพท์เผลอหลับไปแล้ว ตนจึงคิดว่านายณัฐพล ไม่น่าจะไปกับเพื่อนแล้ว กระทั่งเวลา 22.00 น. นายทักษ์ดนัย หรือเก้า อายุ 19 ปี มาเรียกที่หน้าบ้าน ซึ่งตนก็บอกกับนายเก้าว่า “ไปด้วยกันก็ฝากโจ๋ด้วยนะ” ทางด้านนายเก้าก็รับปากกับตนว่า “ครับ” ทั้งนี้ตนยังได้กำชับแล้วว่า ถ้ากลับไม่ไหวให้นอนหอพักของเพื่อน ไม่ต้องรีบกลับมา
เช้าวันรุ่งขึ้น ตนตื่นมาไม่เห็นนายณัฐพลก็เข้าใจว่า ลูกชายนอนที่หอพักเพื่อน กระทั่งเวลาประมาณ 07.00 น. เจ้าหน้าที่โรงพยาบาล โทรมาแจ้งกับตนว่าพบร่างของนายณัฐพลนอนเสียชีวิตอยู่ในคูน้ำ วินาทีนั้นตนถึงกับล้มทั้งยืน หลังจากนั้นก็รีบไปยังจุดเกิดเหตุ พบว่านายณัฐพลนอนตะแคงซ้าย บริเวณศีรษะด้านขวา มีรอยบากจากของมีคม ความยาวแผลประมาณ 3 นิ้ว ตนจึงตัดสินใจนำตัวของนายณัฐพลไปผ่าพิสูจน์หลักฐาน รพ.ศูนย์ระยอง ผลชันสูตรระบุว่า นายณัฐพล จมน้ำตาย รอยบาดแผลที่ศีรษะไม่ส่งผลกระทบต่อสมอง หรือเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตได้
ทั้งนี้ตนก็ไม่ได้ติดใจในเรื่องสาเหตุการเสียชีวิตของนายณัฐพล ตามกระแสข่าวที่บอกว่าอาจจะเกิดการฆาตกรรม แต่ส่วนที่ยังติดใจคือเรื่องของที่นายทักษ์ดนัย หรือ เก้า ทำไมถึงไม่ช่วยนายณัฐพล ทำไมถึงบอกกับเพื่อนคนอื่น ๆ ว่ามาคนเดียว ทั้ง ๆ ที่นายณัฐพลซ้อนท้ายไปด้วยกัน ถ้าช่วยนายณัฐพลไว้ทันก็อาจจะไม่ตาย เหตุผลที่บอกว่าไม่รู้เรื่องนั้นฟังไม่ขึ้น อย่างน้อย ๆ ก็ขอให้มาขอขมาเพื่อนที่งานศพ ซึ่งตนก็พร้อมจะให้อภัย เพราะทำอะไรไม่ได้ ลูกตายไปแล้ว
ที่ผ่านมาตนก็ยังไม่ได้ไปติดต่ออะไรกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากตำรวจพูดคุยกับตนว่า อยากให้จบเรื่องแค่นี้ ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป จึงขอฝากสื่อช่วยเป็นตัวกลางไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเป็นธรรม สุดท้ายนี้ตนอยากบอกนายณัฐพลว่ารักเขามาก อยากให้เขาไปสบาย
ในขณะเดียวกันทีมข่าวได้มีโอกาสเข้าไปพูดคุยกับนายปรีชา แช่มรัมย์ หรือ มาร์ค อายุ 19 ปี หนึ่งในกลุ่มเพื่อนที่ไปเที่ยวด้วยกัน เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ตนกับนายณัฐพล รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน ซึ่งเพิ่งจะมาแยกกันตอนที่นายณัฐพล ย้ายไปเรียนหนังสือ และอยู่กับผู้เป็นแม่ที่ จ.ชลบุรี นาน ๆ ทีจะกลับมา ก็จะหาเวลาไปเที่ยวด้วยกัน
คืนวันที่ 11 พ.ย.63 มีการตกลงคุยกับเพื่อนในกลุ่มว่า จะไปเที่ยวที่สถานบันเทิงในตัวเมืองบุรีรัมย์ โดยมี 1.นายณัฐพล อายุ 19 ปี 2.นายทักษ์ดนัย หรือ เก้า อายุ 19 ปี 3.นายโย (สงวนชื่อจริง-นามสกุล) อายุ 20 ปี 4.นายหรั่ง (สงวนชื่อจริง-นามสกุล) อายุ 19 ปี 5.นายแจ๋ม (สงวนชื่อจริง-นามสกุล) อายุ 19 ปี 6.นายนิก (สงวนชื่อจริง-นามสกุล) อายุ 20 ปี และตน รวม 7 คน
เมื่อออกจากสถานบันเทิง ประมาณ 04.00 น. ตนได้บอกกับโจ๋และเก้าว่า ให้รอกลับพร้อมกัน ตนจะขอไปส่งนายแจ๋มก่อน เพราะเมาหนักมากกลับไม่ไหว จากนั้นตนก็กลับมาที่สถานบันเทิงอีกครั้ง ประมาณ 04.45 น. แต่ก็ไม่พบนายโจ๋ จึงเข้าใจว่านายณัฐพล และนายเก้าขี่รถกลับไปด้วยกันแล้ว ตนจึงขี่รถตามไปทีหลัง
กระทั่งเวลา 05.05 นายทักษ์ดนัย ส่งข้อความไปหานายนิก ซึ่งนายนิกเห็นว่า นายปรีชาหรือมาร์ค ขับตามมา เลยแคปภาพแชตมาบอกให้ตนช่วยดู ซึ่งในระหว่างที่ตนกำลังขี่รถมอเตอร์ไซค์กลับ ก็ไม่เห็นว่ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้นในระหว่างทาง กระทั่งนายนิกกับนายโย ออกไปถึงจุดเกิดเหตุแล้ว ตนก็เข้านอนเลย มาทราบข่าวในตอนเช้าว่านายณัฐพล เสียชีวิตแล้ว
ส่วนนิสัยใจคอของนายณัฐพล หรือ โจ๋ และนายทักษ์ดนัย ก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน อีกทั้งยังดูสนิทสนมกันมากกว่าคนอื่นในกลุ่ม และทั้ง 2 คนไม่เคยมีปัญหากัน ส่วนนายทักษ์ดนัย ก็ไม่รู้ว่าเคยมีปัญหากับคนอื่นหรือไม่ แต่ไม่คิดว่าเป็นการโดนทำร้ายร่างกายหรือฆาตกรรม ส่วนตัวก็ยังสงสัยในประเด็นที่ว่า เหตุใดนายทักษ์ดนัย ถึงไม่เห็นนายณัฐพล ซึ่งตนได้พยายามเค้นถามคำตอบจากนายเก้า แต่ได้คำตอบเพียงแค่ว่า "กูไม่รู้"
บรรยากาศงานศพของนายณัฐพล ในวันนี้ มีนายทักษ์ดนัย ตันเสียดี หรือเก้า เดินทางมาร่วมงานศพ โดยได้มีการขอขมาลาโทษแก่นายณัฐพล
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี มีโอกาสได้เข้าไปพูดคุยกับนายทักษ์ดนัย ตันเสียดี หรือ เก้า เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุออกจากสถานบันเทิง ประมาณ 04.00 น. ซึ่งขณะนั้นตนได้มีการประเมินสภาพร่างกายแล้วว่า ตนมีอาการเมาน้อยกว่า นายณัฐพล ตนจึงเป็นคนขับสวมเสื้อแขนยาวสีแดง สวมหมวกกันน็อก ในขณะที่กำลังขี่รถออกมา แรก ๆ ตนก็พอจำได้แต่เมื่อขี่มาจนถึงจุดเกิดเหตุ ตนเกิดอาการหลับใน ทำให้รถเสียหลักข้างทางลงคูน้ำ จากนั้นตนก็สลบไม่รู้เรื่องอะไรเลย
กระทั่งรู้สึกตัวตอนเวลาประมาณ 05.00 น. เนื่องจากน้ำเย็น ขณะนั้นตนนอนจมน้ำอยู่ในสภาพนอนหงาย รู้สึกจุกเสียด ๆ บริเวณหน้าอก แขนข้างซ้ายยกขึ้นไม่ได้ มีรอยช้ำบริเวณต้นขาขวา ซึ่งขณะเดียวกันก็ได้ส่องหาตัวนายณัฐพล หรือโจ๋ แล้ว แต่ไม่พบ ตนจึงเข้าใจว่านายณัฐพล น่าจะโบกรถข้างทางกลับบ้านไปแล้ว
หลังจากนั้นตนก็ได้ใช้โทรศัพท์มือถือส่งข้อความไปหานายนิก เวลา 05.05 น. ว่า เกิดเหตุรถล้ม ให้มาช่วยยกรถออกจากคูน้ำ เมื่อนายนิกกับนายโยมาถึง ก็ได้มีการเข้ามาช่วยเหลือ แต่นายนิกกับนายโย ก็ถามตนว่า "โจ๋อยู่ไหน" ซึ่งตอนนั้นตนก็ยังงง ๆ มึน ๆ กับตัวเอง เลยตอบไปแค่ว่า ตนอยู่ตรงนี้คนเดียว จากนั้นนายนิกกับนายโย ก็มาส่งตน พร้อมเข็นรถมอเตอร์ไซค์มาส่งที่บ้าน
นายทักษ์ดนัย ขอโทษทั้งน้ำตา ระบุว่า ไม่รู้ว่านายณัฐพลอยู่บริเวณดังกล่าว ถ้ารู้ก็คงเข้าไปช่วยแล้ว สภาพจิตใจในตอนนี้คือเสียใจมาก เพราะรักเพื่อนมาก ยังรู้สึกเครียด กินไม่ได้ นอนไม่หลับ อีกทั้งยังโดนกระแสข่าวโจมตีอีกว่าเป็นเรื่องของการฆาตกรรม ซึ่งตนยืนยันได้ว่าตอนนั้น มีเพียงตนขี่รถมอเตอร์ไซค์มาเพียงแค่คันเดียว เหตุการณ์ในครั้งนี้ ถือเป็นบทเรียนครั้งใหญ่ หลังจากนี้ตนจะเลิกเที่ยว เลิกดื่มสุรา ซึ่งในเย็นวันนี้ ตนก็จะไปร่วมงานศพและขอขมาลาโทษกับนายณัฐพลและครอบครัวด้วยตัวเอง
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านด่าน ดำเนินคดีไปยังนายทักษ์ดนัย ในข้อหาขับรถโดยประมาทจนทำให้ผู้อื่นถึงความตาย ซึ่งถ้าหากผลตรวจเลือดออกแล้วพบว่ามีสารเสพติด หรือมีแอลกอฮอลล์เกินขนาด ก็อาจจะมีการตั้งข้อหาเพิ่ม ซึ่งขณะนี้ยังคงต้องรอฟังผลอย่างใกล้ชิด
Advertisement