
เจ้าพนักงานตำรวจ กก.4 บก.ปคม. นำโดย พ.ต.ท.ไตรรงค์ หน่วยตุ้ย, พ.ต.ต.กรเอก บริรักษ์กุล และว่าที่ พ.ต.ต.หญิง กันทิมา หวังรวมกลาง สว.กก.4 บก.ปคม.
ร่วมกันจับกุม นางสาวลักษณาฯ อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 6835/2568 ลงวันที่ 19 พ.ย.68 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน
1. เพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือพาไป เพื่อการอนาจารซึ่งหญิง แม้ผู้นั้นจะ ยินยอมก็ตาม อันเป็นการกระทำแก่เด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี และเป็นการกระทำแก่ผู้สืบสันดาน ตาม ป.อาญา มาตรา 282, 285 โทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปี ถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 1 แสนบาท ถึง 4 แสนบาท และต้องระวางโทษหนักกว่าที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้น ๆ
2. ค้ามนุษย์ โดยเป็นธุระจัดหา ซื้อ ขาย จำหน่าย พามาจากหรือส่งไปยังที่ใด หน่วงเหนี่ยวกักขัง จัดให้อยู่อาศัย หรือรับไว้ซึ่งเด็ก อันเป็นการแสวงหาประโยชน์ทางเพศในรูปแบบอื่น และเป็นการกระทำแก่บุคคลอายุไม่เกินสิบห้าปี ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 มาตรา 6, 52 วรรคสาม โทษจำคุกตั้งแต่ 8 ปี ถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 8 แสนบาท ถึง 2 ล้านบาท
สถานที่จับกุม บริเวณโถงผู้โดยสารขาเข้า ชั้น 2 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เลขที่ 999 ถนนบางนา–ตราด ตำบลหนองปรือ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2568 เวลาประมาณ 17.30 น.
พฤติการณ์ ด้วย พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร รอง ผบ.ตร./ผอ.ศตคม.ตร. ได้รับการประสานงานจาก กระทรวงการต่างประเทศ ให้ช่วยเหลือเด็กหญิง ซึ่งถูกนางสาวลักษณาฯ (ผู้ต้องหา) เกี่ยวข้องเป็นมารดาแท้ๆ ได้พาเด็กหญิงเอ (นามสมมติ) บุตรสาววัยเพียง 12 ปีเศษ ไปนวดแฝงบริการทางเพศที่ประเทศญี่ปุ่น จึงได้สั่งการและเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น โดยร่วมกับ ผบ.ตร. และ ผบช.น. ตำรวจเมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในการเดินทางไปประสานความร่วมมือกับ ผบ.ตร. และ ผบช.ตม.ที่ประเทศไต้หวัน เกี่ยวกับคดีดังกล่าวเพื่อช่วยเหลือเหยื่อและดำเนินคดีกับผู้ต้องหา โดยได้สั่งการให้ บก.ปคม. สืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน จับกุมดำเนินคดีกับผู้ต้องหา
โดยพฤติการณ์ กล่าวคือ เมื่อช่วงเดือนมิถุนายน 2568 นางสาวลักษณาฯ (ผู้ต้องหา) ซึ่งเป็นมารดาแท้ๆ ได้พาเด็กหญิงเอ (นามสมมติ) บุตรสาววัยเพียง 12 ปีเศษ ไปนวดแฝงที่ประเทศญี่ปุ่นในช่วงปิดเทอม แต่เมื่อเดินทางถึงกรุงโตเกียว ผู้ต้องหากลับนำบุตรสาวไปส่งที่ร้านนวดชื่อ "Relax Time" ย่านเขตบุนเคียว (Bunkyo) โดยมีการตกลงกับเจ้าของร้านเพื่อให้เด็กหญิงเอทำงานนวดแฝงการบริการทางเพศ ต่อมาในช่วงกลางเดือนกันยายน 2568 เด็กหญิงเอ อาศัยจังหวะเผลอหลบหนีออกจากร้านนวดและเข้าขอความช่วยเหลือจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองโตเกียว
จากการสืบสวนเชิงลึกพบว่า ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในญี่ปุ่น เด็กหญิงเอได้นวดแฝงบริการทางเพศแก่ลูกค้าชาวต่างชาติตลอด โดยคิดค่าบริการนวดปกติ 8,000 เยน/ชั่วโมง ถ้านวดแฝงบริการทางเพศคิดค่าตัว 12,000 เยน/ชั่วโมง ซึ่งรายได้จากการขายบริการทางเพศในครั้งนี้ เจ้าของร้านนวดจะโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารในประเทศญี่ปุ่น จากนั้นผู้เกี่ยวข้องได้มีการแลกเปลี่ยนเป็นเงินไทยและโอนเข้าบัญชีส่วนตัวของนางสาวลักษณาฯ ในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นการแสวงหาผลประโยชน์บนความทุกข์ทรมานของบุตรสาวตนเอง โดยเด็กหญิงเชื่อว่ามารดาซึ่งเป็นผู้ต้องหา จะมารับกลับจากร้านนวด และเด็กหญิงพยายามติดต่อมารดาแต่ไม่สามารถติดต่อได้ จึงได้ไปร้องขอความช่วยเหลือ จนนำไปสู่การประสานงานระหว่างประเทศ และการจับกุมเจ้าของร้านนวดรวมถึงพนักงานในญี่ปุ่น ในส่วนของประเทศไทย กองกำกับการ 4 บก.ปคม. ได้รวบรวมพยานหลักฐานอย่างละเอียด จนสามารถขออนุมัติหมายจับและติดตามจับกุมนางสาวลักษณาฯ ได้ในที่สุด
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
Advertisement