
เวลา 11.53 น.วันที่ 5 ธ.ค.2568 ร.ต.อ.บุญเลิศ เหล็กมา รองสารวัตรสอบสวนปฏิบัติหน้าที่ร้อยเวรสอบสวนสภ.หล่มสัก ได้รับแจ้งมีคนถูกทำร้ายจนเสียชีวิตบริเวณกลางทุ่งนาหมู่ 1 ต.บุ่งคล้า อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบจากนั้นพร้อมด้วยแพทย์เวรโรงพยาบาลหล่มสักตำรวจพิสูจน์หลังฐานเพชรบูรณ์และอาสามูลนิธิร่วมกตัญญูหล่มสักจึงเดินทางไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นทุ่งนาอยู่หลังหมู่บ้าน พบศพผู้เสียชีวิตสภาพศพนอนหงายมีผ้าคลุมบริเวณศีรษะสวมถุงมือสีเทา-ดำนุ่งกางเกงขายาวสีดำสวมรองเท้าบู๊ทสีน้ำตาล สภาพศพถูกทำร้ายบริเวณใบหน้าหน้าอกและมือ ทราบชื่อต่อมาคือนางพิปรีญา (สงวนนามสกุล) อายุ 54 ปี ต.บุ่งคล้า อ.หล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์
จากการชันสูตรพบว่าที่บริเวณใบหน้ามีร่องรอยถูกของมีคมฟันเป็นแผลยาว 4 แผล และที่ดั้งจมูกถูกของแข็งทุบจนใบหน้ายุบ ที่บริเวณท้ายทอยถูกของมีคมฟันจนเป็นแผลลึกและยาว ที่บริเวณหน้าท้องถูกของแหลมแทงจำนวน 8 รูและที่มือขวาถูกของมีคมฟันเป็นแผล เสียชีวิตมาแล้วประมาณ 1-2 ชั่วโมง
ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบรถจักรยานยนต์สีน้ำเงิน-เขียว-ขาว ทะเบียน 1 กฌ 1446 เพชรบูรณ์ของผู้เสียชีวิตจอดอยู่และนอกจากนั้นยังพบจอบตกอยู่ข้างลำตัวของผู้เสียชีวิต 1 อัน แต่ไม่พบคราบเลือดที่จอบแต่อย่างใด
จากการสอบสวนทราบว่าผู้ก่อเหตุ คือนางเกียม (สงวนนามสกุล) อายุ 51 ปี หลังก่อเหตุได้ขี่รถจักรยานยนต์สีขาว-เหลืองดำ ทะเบียน 1 กต 6547 เพชรบูรณ์ หลบหนีไป
พี่ชายของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่าเมื่อก่อนนางเกียม ผู้ก่อเหตุ ได้อยู่กันกับนายมืด ผู้เป็นสามี ต่อมาช่วงประมาณปลายปี 2567 ได้เลิกลากัน ส่วนนายมืดก็ได้มาคบหากับนางพิปรีญา ผู้เสียชีวิตและได้แต่งงานกันเมื่อเดือน เม.ย. 2568ที่ผ่านมา โดยนายมืดได้ให้ภรรยาเก่าอยู่ที่บ้านของตนเอง ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านภรรยาใหม่ประมาณ 300 เมตร
โดยที่นายมืด ก็ยังไปช่วยงานอดีตภรรยา ไม่ว่าจะเป็นทำนาข้าวปลูกยาสูบ ปลูกข้าวโพด แรกๆที่ผู้ตายแต่งงานกับนายมืด ก็ถูกนางเกียมต่อว่า เรื่องมาแย่งสามีตนเองไป และเคยอาฆาตไว้ว่าเดี๋ยวจะเอาให้ตาย แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น และหลังจากนั้นก็ไม่มีการทะเลาะกันอีกเลย ถึงแม้ว่าจะเจอหน้ากันบ่อยครั้ง เพราะอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน
ก่อนเกิดเหตุในวันนี้ช่วงเช้าผู้ตายได้ขี่รถจักรยานยนต์ไปดายหญ้าแปลงข้าวโพดที่ปลูกไว้ ห่างจากบ้านประมาณ 3 กิโลเมตร หลังจากนั้นก็ได้มีคนโทรมาแจ้งว่าได้เห็นนางเกียม ผู้ก่อเหตุขี่รถจักรยานยนต์ไปหาผู้ตายที่แปลงข้าวโพด จากนั้นก็ได้ยินเสียงทะเลาะกันอย่างรุนแรง จากนั้นเสียงก็เงียบไป ส่วนนางเกียม ได้ขี่รถจักรยานยนต์ออกไปอย่างรวดเร็ว ตนจึงรีบมาดูก็พบว่าน้องสาวได้ถูกทำร้ายจนเสียชีวิต จึงได้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ เปิดเผยว่า หลังจากทราบว่าผู้ก่อเหตุเป็นใครก็ได้กระจายกำลังค้นหาแต่ยังไม่พบ จึงเตรียมที่จะขออำนาจศาลจังหวัดหล่มสักเพื่อออกหมายจับมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อ
เบื้องต้นในขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.หล่มสัก กำลังนำตัวนายมืดสามีของผู้ตายไปสอบสวนเพื่อหาสาเหตุและแรงจูงในในการฆาตรกรรมในครั้งนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเหตุการณ์ดังกล่าวชาวบ้านได้จับกลุ่มพูดคุยถึงความโหดเหี้ยมของผู้ก่อเหตุในครั้งนี้ พร้อมทั้งเรียกร้องให้มีการเร่งจับกุมตัวและดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว
Advertisement