
เมื่อวันที่ 23 พ.ย. 2568 พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.สอท. พล.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง รองผบช.สอท.พล.ต.ต.ศรายุทธจุณณวัตต์ ผบก.สอท.2 สั่งการให้ พ.ต.อ.ขจร อบทอง รองผบก.สอท.2 พ.ต.อ.มนต์ชัย บุญเลิศ ผกก.2 บก.สอท.2 พ.ต.อ.คุณาประโยชน์ อารียรัตนะณธร ผกก. วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.2 พ.ต.อ.จักรกฤช ศรีโรจนกูร ผกก.สภ.เมืองสมุทรปราการพ.ต.ท.โรจน์ศักดิ์ นัยผ่องศรี รองผกก.2 บก.สอท.2 เปิดเผยความคืบหน้าการคดีที่แก๊งสแกมเมอร์บังคับวิดีโอคอล 24 ชม.หลอกหนุ่ม 19 ปี ทุบตู้เซฟแม่ ขนทรัพย์สินไปให้เกือบ 10 ล้าน
พล.ต.ท.สุรพล กล่าวว่า สำหรับเคสนี้เบื้องต้นเป็นเรื่องของน้องนิค อายุ 19 ปี นักศึกษามหาวิทยาลับเทคนิคแห่งหนึ่ง ถูก แก๊งสแกมเมอร์หลอกลวงด้วยการโทรศัพท์เขามาที่เบอร์มือถือส่วนตัวของน้องพูดคุยจนน้องเกิดความไว้วางใจ จากนั้นก็ใช้วิธีเดิมๆ โดยการให้แอดไลน์ พอแอดไลน์ได้ก็มีการส่งรูปภาพ และเอกสารต่างๆ ซึ่งตัวเอกสารพวกนี้จากการตรวจสอบพบปรากฏว่าเป็นเอกสารที่ทำเรียนแบบหน่วยงานของทางราชการ หลายหน่วยงาน ทำให้เห็นได้ว่าคนร้ายตั้งใจที่จะหลอกเหยื่อให้หลงเชื่อ ทั้งเจ้าหน้าที่ ปปง. หมายจับของศาล แม้แต่ของตำรวจไซเบอร์เองก็ยังถูกนำไปแอบอ้าง และด้วยความที่ผู้เสียหายอายุยังน้อย จึงอาจจะยังแยกแยะไม่ออก ประกอบกับที่ฟังจากผู้ปกครองน้องค่อนข้างเป็นคนเก็บตัว คนร้ายจึงอาศัยจังหวะนี้ค่อยๆหลอก โดยคนร้ายอ้างว่าน้องมีหมายจับที่จะต้องถูกดำเนินคดี จะต้องไปให้การที่จังหวัดบึงกาฬ อาจจะไม่สะดวกประกอบกับน้องเป็นห่วงแม่ ว่าถ้าตนเองถูกดำเนินคดีแล้วทางแม่ก็จฃอาขจะถูกพ่วงดำเนินคดีไปด้วย จึงยอมทำตามคนร้าย
โดยจุดเริ่มต้นเกิดขึ้นช่วงเที่ยงของวันที่ 19 พ.ย.ที่ผ่านมาจนกระทั่งน้องหลงเชื่อคนร้ายยอมลาเรียนในช่วงบ่าย ก่อนจะไปเปิดที่พักเพียงลำพังเพื่อสะดวกในการหลอก และไม่ให้คนอื่นรู้เห็น สุดท้ายก็หลอกให้กลับไปที่บ้าน ซึ่งตอนนั้นแม่ของน้องยังกลับไม่ถึงบ้าน ก็ไปทำการรื้อทรัพย์สินในตู้เซฟของแม่ตามที่เป็นข่าว โดยคนร้ายได้ให้วิดีโอคอลเพื่อดูทรัพย์สินที่อยู่ในเซฟว่ามีอะไรบ้าง จากนั้นคนร้ายได้สั่งให้นำทรัพย์สินทั้งหมด และในช่วง 6 โมงเย็นของวันเดียวกัน คนร้ายให้น้องนำทรัพย์สินเดินทางจากพื้นที่สมุทรปราการไปส่งให้คนร้ายที่เขตเทศบาลบางพลับ จ.นนทบุรี
ซึ่งจากการสืบสวนพบคนร้ายมีการวางแผนแบ่งงานกันทำเป็นขั้นตอนจนได้ทรัพย์สินไป สุดท้ายในคืนนั้น คนร้ายอีกคนได้โทรมาปลอบใจน้องว่าสิ่งที่ทำไปถูกต้องแล้ว ไม่ต้องกังวลอย่าไปเล่าให้ใครฟัง
กระทั่งเช้าวันที่ 20 พ.ย.คนร้ายยังออกอุบายให้เหยื่อโอนเงินเพิ่ม โดยอ้างว่าทรัพย์สินดังกล่าวไม่เพียงพอในการตรวจสอบ ผู้เสียหายจึงได้ไปหยิบโทรศัพท์ของคุณแม่ จากนั้นได้โอนเงินไปให้อีก 4 ครั้งเป็นจำนวนเงินหลายแสนบาท กระทั่งภายหลังคุณแม่พบความผิดปกติว่ามีการโอนเงินไป จึงได้รู้ว่าถูกแก๊งคนร้ายหลอกลวงจึงได้ไปแจ้งความเป็นหลักฐานที่สภ.เมืองสมุทรปราการ ซึ่งต่อมาได้มีการประสานข้อมูลกับทางตำรวจไซเบอร์ เนื่องจากเห็นว่าแผนประทุษกรรมของคนร้าย เป็นลักษณะขบวนการมีการหลอกลวงแบ่งงานกันทำเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินของผู้เสียหาย พร้อมเชิญสองแม่ลูกมาให้ปากคำ
กระทั่งชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่ตรวจสอบหากล้องวงจรปิดและพยานหลักฐานตามจุดที่ผู้เสียหายได้ให้การไว้ว่ามีการนำเงินไปวางไว้ริมถนนในจังหวัดนนทบุรี กระทั่งต่อมาชุดสืบสวนได้ ติดตามจับกุมชายชาวจีน ที่ทำหน้าที่นำทรัพย์สินจากจุดที่ผู้เสียหายนำมาวางไว้มาทำการสอบปากคำ
อย่างไรก็ตามชุดสืบสวนอยู่ระหว่างการติดตามคนร้าย และทรัพย์สิน โดยเบื้องต้นทราบว่าขบวนการดังกล่าวมีทั้งคนจีนและคนไทยร่วมขบวนการ อย่างไรก็ตามหากมีความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบต่อไป
Advertisement