"อนุทิน"แถลงจับยาเสพติดลั่น1เดือนทลายเครือข่าย3ครั้ง สะท้อนผลงานสตช.
"อนุทิน"นำแถลงผลจับยาเสพติดลั่น1เดือนทลายเครือข่ายแล้ว 3 ครั้ง สะท้อนผลงาน สตช. ชี้! ไม่ได้อวยส่วนตัว แต่เห็นผลงานจริงพร้อมกำชับปราบภัยมั่นคงทุกมิติ
วันนี้ (21 ตุลาคม 2568) ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานแถลงผลปฏิบัติงานด้านยาเสพติด "ยุทธการทำลายล้างเครือข่ายยาเสพติด ทำลายจุดพัก ทุบคลัง ปิดเส้นลำเลียง" พร้อมด้วยนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ณ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ถนนวิภาวดีรังสิต เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โดยมีพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวรายงานผลการจับกลุ่ม ว่า ปัญหายาเสพติดถือเป็นภัยคุกคาม ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ใช้กฎหมายยึดทรัพย์อย่างเข้มข้น และเพียงเฉพาะเดือนตุลาคมนี้ นายกรัฐมนตรีก็เดินทางมาร่วมแถลงผลการปฏิบัติงานด้วยตัวเองที่ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด แล้วถึง 3 ครั้ง
สำหรับผลการปฏิบัติการครั้งนี้ สามารถกุมได้ทั้งหมด 10 คดีสำคัญ รวมผู้ต้องหา 16 ราย สามารถยึดของกลางยาบ้ากว่า 33.84 ล้านเม็ด ไอซ์ 800 กิโลกรัม คีตามีน 500 กิโลกรัม และขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจยึดทรัพย์ โดยทุกหน่วยงานในสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะยึดมั่นดำเนินการตามนโยบายปราบปรามยาเสพติดอย่างเคร่งครัด
ด้านนายอนุทิน กล่าวว่า จากการมาติดตามผลการจับกุม ทำให้เห็นถึงผลงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการเร่งจับกลุ่มและปราบปรามเครือข่ายยาเสพติด ซึ่งเป็นไปตามนโยบายหลักของรัฐบาล นอกจากนี้ ยังฝากห้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งแก้ไขปัญหาสแกมเมอร์ ซึ่งตอนนี้ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาบูรณาการทำงานร่วมกัน โดยได้รับความร่วมมืออย่างดีจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตลอดจน ป.ป.ส. และอีกหลายหน่วยงาน จึงขอให้ความมั่นใจกับประชาชน ว่ารัฐบาลจะใช้กลไกที่มีอยู่ จะไม่ยอมให้สิ่งผิดกฎหมายเหล่านี้มาทำลายอนาคตและความมั่นคงของประเทศ หากยังมีการขนยาเสพติดมาแบบนี้ รัฐบาลก็ยินดีที่จะจับ และดำเนินคดีทุกรูปแบบ
นายอนุทิน บอกอีกว่า ยาเสพติดเหล่านี้ไม่ได้ผลิตอยู่ในประเทศไทย แต่ผลิตนอกประเทศ หากผลิตในประเทศป่านนี้ก็ดำเนินการทลายแหล่งผลิตไปแล้วแน่นอน
ดังนั้น การที่จับกุมได้เพิ่มมากขึ้น สะท้อนถึงผู้ผลิตยาเสพติดที่พยายามจะเพิ่มกำลังการผลิต และการส่ง เพื่อให้คุ้มค่ากับเงินลงทุนที่เสียหายไป ซึ่งเป็นไปตามหลักธุรกิจการค้าทั่วไป และหากสังเกตจะเห็นว่าผู้ค้ามีความพยายาม จะปรับเปลี่ยนรูปแบบการลำเลียงยาเสพติด จากเดิมที่อยู่ในพื้นที่ภาคเหนือ มาเป็นภาคตะวันตก เช่น กาญจนบุรี และนครปฐม แต่ปัจจุบัน สามารถจับกุมได้ในพื้นที่ภาคอีสานเป็นส่วนใหญ่ เพราะหากยังใช้วิธีเดิม ก็สุ่มเสี่ยงที่จะถูกจับกุมดำเนินคดี ซึ่งส่วนตัวมองว่า นี่คือประสิทธิภาพ ไม่ใช่ปัญหา หากเข้ามาทางไหน ก็โดนหมด เพราะคือศัตรูของพวกเรา และเป็นสิ่งที่ทำร้ายประเทศ
นายอนุทิน บอกอีกว่า ขอให้เชื่อมั่นในการทำงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ใช่ว่าส่วนตัวเป็นเพื่อนกันแล้วจะมาอวยกัน แต่ส่วนตัวเห็นผลงานมาโดยตลอด ยิ่งตอนนี้รัฐบาลมีนโยบายที่จะต่อต้านปราบปรามภัยที่ทำลายความมั่นคงของประเทศทุกรูปแบบ โดยเฉพาะยาเสพติด ภัยไซเบอร์ และสแกมเมอร์ ได้มีการหารือกันตลอดเวลาว่า จะเพิ่มปรัสิทธิภาพและศักยภาพในการปราบปรามสิ่งเหล่านี้อย่างไร แต่คงไม่สามารถออกมาเปิดเผยรายละเอียดต่อสาธารณะได้ทุกเรื่อง อย่าง กรณีที่ส่วนตัว ได้ มีการพูดถึงว่าจะมีการเพิกถอนสัญชาติของบุคคลที่ถือ 2 สัญชาติ ผู้สื่อข่าวก็มาสอบถามว่าใช่คนนี้หรือไม่เกี่ยวข้องกับคนนี้หรือไม่ ซึ่งส่งผลให้การทำงานของเจ้าหน้าที่ยากขึ้น ทั้งที่ ไม่จำเป็นต้องไปสนใจว่าเขาผิดอย่างไร เพราะเพียงแค่ ถือสัญชาติอื่น แล้วมาขอสัญชาติไทยก็ถือว่าเจตนาไม่บริสุทธิ์แล้ว ซึ่งเดี๋ยวกระทรวงมหาดไทยก็จะดำเนินการถอนสัญชาติของบุคคลเหล่านี้ และถือเป็นการตัดต้นตอแล้ว ไม่ต้องดูว่า เขากระทำผิดอะไร
Advertisement
