วันที่ 26 ก.ย. 68 ผู้สื่อข่าวพร้อมทีมงานของ สส.ไก่ นางทิพา ปวีณาเสถียร สส.ลำปาง เขต 1 พรรคประชาชนลำปาง เดินทางไปยังบ้านสบค่อม ต.บ้านค่า อ.เมือง จ.ลำปาง ภายหลังจากได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านรายหนึ่ง ซึ่งเป็นครอบครััวคนพิการลูกชาย 2 คนพิการทางสมอง ส่วนสามีพิการขาทั้งสองข้าง ภาระตกหนักในการหาเงินเลี้ยงครอบครัวอยู่กับคนเป็นแม่ที่ต้องทำงานหาเงินเป็นแม่บ้านได้ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้โอนเงิน ซึ่งเป็นเงินเก็บของครอบครัว เพื่อใช้จ่ายในการเดินทางพาครอบครัวไปหาหมอ
โดยมีนางนิตยา การเร่ง ประธานสภา อบต.บ้านค่า พาไปพบบ้านผู้เสียหาย ซึ่งเป็นบ้านหลังเล็กๆ ชั้นเดียว เป็นที่พักของครอบครัวรายนี้พบ นางสุลัดดา จงรักษ์ อายุ 53 ปี ส่วนสามีพิการขาทั้งสองข้างนอนอยู่ภายในบ้านพัก ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้
เนื่องจากเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา เกิดอุุบัติเหตุจากการถููกไหม้ร่างกายเส้นเอ็นยึด หมอต้องตัดขาทั้งสองข้างเหนือหัวเข่า ต้องนั่งรถเข็น ไม่มีรายได้
นางสุลัดดา เล่าทั้งน้ำตาว่า ตนเองทำงานเป็นแม่บ้านทำความสะอาดในตัวเมืองลำปางได้เงินเดือน 9,000 บาท ต้องนั่งรถโดยสารประจำไปทำงาน ค่ารถเดือนละ 900 บาท โดยเมื่อวันที่ 9 ก.ย. ทีี่ผ่่านมา เวลาประมาณเที่ยงวันได้มีผู้หญิงโทรศัพท์หาตนเองพูดเป็นภาษาเหนือ โดยอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าลำปาง ได้ข้อมูล และเบอร์โทรศัพท์จากผู้นำชุมชนคนหนึ่งในพื้นที่ ซึ่งทางการไฟฟ้าลำปางมีนโยบายที่จะช่วยเหลือคนพิการ โดยจะเปลี่ยนหม้อแปลงไฟฟ้าที่บ้านให้ใหม่ ไม่คิดมูลค่าและจะช่วยเหลือโอนเงินค่าไฟฟ้าคืนย้อนหลังอีก 6 เดือน ก่อนที่จะวางสายไป
ต่อมาไม่นานนักก็ได้มีผู้ชายโทรมาหาตนเองอีก พูดภาษาเหนืออ้างว่าจะเดินทางไปยังบ้านพัก เพื่อเปลี่ยนหม้อแปลงไฟฟ้าให้ใหม่ พร้อมทั้งจะโอนเงินค่าไฟฟ้าย้อนหลังให้ 6 เดือน แต่ต้องแอดไลน์ และให้ทำตามคำแนะนำของพนักงานการไฟฟ้า ตนเองหลงเชื่อ จึงทำตามขั้นตอนทุกอย่าง ทำให้หน้าจอโทรศัพท์เป็นภาษาอัังกฤษ จึง ด้ปรึกษานายจ้าง และรีบเดินทางไปแจ้งควาามต่อพนักงานสอบสวน สภ.เขลางค์นคร และรีบเดินทางไปยังธนาคาร เพื่อให้เจ้าหน้าที่อายัดเงินในบัญชีที่ถูกแก๊งคคอลเซ็นเตอร์หลอกให้โอนจำนวนสองครั้งติดกัน รวมเป็นเงินหลายหมื่นบาท ไม่เหลือเงินในบัญชีแม้แต่บาทเดียว หลังจากเกิดเหตุเครียด และทุกข์ใจมาก เพราะเงินที่มีอยู่ เป็นเงินก่อนสุดท้ายของชีวิตที่เก็บรักษาไว้ สำหรับเป็นค่าเดินทางในการพาสามี และลูกชายไปหาหมอ ภาระหนักต้องตกที่ตนเองต้องเป็นเสาหลักทำงานหาเงินรายได้ จากการทำงานเป็็นแม่บ้าน ไม่รู้จะไปพึ่งใคร อยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจเร่งช่วยติดตามเงินคืนได้บางส่วนก็ยังดี และยอมรับว่าที่ผ่านมาไม่เคยได้รับรู้ข่าวสารเกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงชาวบ้าน
Advertisement