(2 ก.ย. 2568) เจ้าหน้าที่ชุดสายตรวจ สภ.เซิม อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย ออกตรวจในพื้นที่ได้พบ นายศุภัชชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 20 ปี มีลักษณะท่าทางเหมือนกำลังงัดตู้เติมเงินโทรศัพท์ (ตู้บุญเติม) อยู่หน้าร้านขายของชำ ต.เซิม จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เซิม เข้าร่วมทำการจับกุม ขณะที่เจ้าหน้าที่แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ นายศุภัชชัย ได้พยายามปั่นรถจักรยานเพื่อหลบหนีแต่เจ้าหน้าที่สามารถติดตามจนสามารถควบคุมตัวไว้ได้ และได้นำตัวมาที่บริเวณตู้เติมเงิน ตรวจสอบพบกระเป๋าผ้าสีน้ำเงินวางอยู่ใกล้ตู้เติมเงิน ภายในกระเป๋าพบคีมตัดเล็ก 1 อัน ไขควง 3 อัน และประแจ 1 อัน
การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เซิม ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายหลายรายว่า มีเหตุงัดบ้านเรือนและร้านค้าแล้วเข้าไปลักทรัพย์เป็นเวลาติดต่อกันหลายวัน สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่าผู้ก่อเหตุมีลักษณะการแต่งกายสวมกางเกงขายาวสีดำแถบขาว สวมเสื้อกีฬาบ้างและเสื้อแขนยาวบ้าง แต่ทุกครั้งผู้ก่อเหตุมักจะสวมหมวกสีเขียวลายพรางแบบปกคลุมใบหน้ามิดชิด และสะพายกระเป๋าผ้าสีน้ำเงิน มีขาคีมตัดเหล็กโผล่ออกมาจากกระเป๋า โดยพฤติกรรมในการก่อเหตุ คือ มักจะก่อเหตุในเวลากลางคืนช่วงเวลาประมาณ 23.00 น. - 04.00 น. ทรัพย์สินที่ได้ไปจะเป็นเงินโทรศัพท์มือถือ เสื้อผ้า และซิมโทรศัพท์มือถือ เป็นต้น
ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.ธวัชชัย ถุงเป้า ผบก.ภ.จว.หนองคาย, พ.ต.อ.วุฒิชัย จันโทภาส รองผบก.ภ.จว.หนองคาย, พ.ต.ท.ศิริพงษ์ พหลชัยชูพงศ์ สารวัตรใหญ่ สภ.เซิม จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนและชุดสายตรวจ สภ.เซิม ร่วมกันประชุมวางแผนเพื่อดักซุ่มรอผู้ก่อเหตุตามร้านค้าที่คาดว่าผู้ก่อเหตุอาจจะทำการก่อเหตุอีกครั้ง พร้อมกับให้ชุดสายตรวจทำการตรวจตราภายในพื้นที่ให้บ่อยครั้งขึ้น จนกระทั้งพบตัวผู้ต้องหากำลังก่อเหตุและสามารถจับกุมตัวไว้ได้
สอบถาม นายศุภัชชัย ยอมรับว่า เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการงัดแงะร้านค้าเพื่อเข้าไปลักทรัพย์ เงินที่ได้ก็จะนำไปซื้อยาบ้ามาเสพและยังได้ให้การว่าปกติตนจะบวชเป็นพระอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งใน ต.เซิม แต่เวลากลางคืนตนจะสวมใส่เสื้อผ้าแต่งกายเป็นฆราวาสออกจากวัด ตระเวนงัดบ้านและร้านค้าเพื่อลักทรัพย์ และสารภาพว่าก่อนจะออกมาตะเวนลักทรัพย์ได้เสพยาบ้ามาก่อน อีกทั้งยังมียาบ้าที่เหลือซุกซ่อนอยู่ที่กุฏิภายในวัด สอบถามเจ้าอาวาสยืนยันว่าเป็นพระลูกวัดจริง เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ขอหมายค้นกุฏิภายในวัดดังกล่าว พบยาบ้าจำนวน 43 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ในขวดพลาสติกวางอยู่บนหัวเตียง
ผลการตรวจค้นเจ้าหน้าที่ยังพบทรัพย์สินที่ผู้ต้องหาขโมยมาอีกหลายรายการ จึงได้ทำการตรวจยึดไว้ทั้งหมด พร้อมกับชุดเสื้อผ้าที่สวมใส่ในวันที่ก่อเหตุตะเวนลักทรัพย์ ส่วนยาบ้านั้นผผู้ต้องหาบอกว่าซื้อจากวัยรุ่นในหมู่บ้าน ราคาเม็ดละ 22 บาท และจากผลการตรวจปัสสาวะจากโรงพยาบาลโพนพิสัยยืนยันว่า พบสารเมทแอมเฟตามีนในปัสสาวะ
ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ในครั้งนี้ได้ยอมรับว่าตนก่อเหตุตระเวนงัดบ้านร้านค้าเพื่อเข้าไปลักทรัพย์มาแล้วจำนวน 6 ครั้ง เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้นำส่งตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางให้กับพนักงานสอบสวน สภ.เซิม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหามียาเสพติดให้โทษประเภท1(ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท1(ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย ส่วนข้อกล่าวหาอื่นๆ พนักงานสอบสวน สภ.เซิม จะได้มีการแจ้งเพิ่มหลังสอบปากคำอีกครั้ง
Advertisement