(25 ส.ค. 2568) กฤติญา ผู้ประสานงานเครือข่ายภาคประชาสังคมเพื่อช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ พร้อมคณะฯ ได้เดินทางไปพบผู้นำกองกำลังกะเหรี่ยงพุทธประชาธิปไตย หรือ DKBA (DemocraticKarenBuddhistArmy) ประกอบด้วย พล.ต.ซอส่วยวะ รองผู้บัญชาการทหารกองกำลัง DKBA และ พล.จ.ซอซานอ่อง ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารกองกำลัง DKBA เพื่อติดตามการช่วยเหลือผู้เสียหายจำนวน 90 คน ที่ร้องขอความช่วยเหลือมานานกว่า 7 เดือนแล้ว และยังคงถูกมาเฟียจีนกักขังและทรมานอย่างต่อเนื่อง กำลังรอความช่วยเหลือ ผู้เสียหายดังกล่าวอยู่ในสามพิกัดคือ
1. บริษัท HongTai ตั้งอยู่บริเวณช่องแคป มีผู้เสียหายขอความช่วยเหลือ 27 คน เป็นชาวเอธิโอเปีย 14 คน ชาวเวียดนาม 3 คน และชาวจีน 10 คน ถูกบังคับให้ทำงานต่อเนื่องทารุณกรรมไม่สามารถติดต่อโลกภายนอกได้
2. บริษัท Hexin อยู่ห่างจากบริเวณ Thabawtboe ไปประมาณ 10 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ประมาณ 13 นาที มีผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือออกมาจากบริษัทนี้หลายครั้ง ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่กลุ่มที่ตกค้างยังถูกมาเฟียจีนบังคับให้เป็นสแกมเมอร์ทำงานแทบไม่มีเวลาหยุดพัก หากผู้เสียหายไม่ยอมทำงานก็ถูกกักขัง บางคนถูกใส่กุญแจมือนานถึงสองเดือน ไม่ได้อาบน้ำและได้กินเพียงเศษอาหาร มาเฟียจีนข่มขู่ว่า ไม่มีใครสามารถช่วยพวกเขาได้ ไม่เว้นแม้แต่หญิงตั้งครรภ์ หลายคนพยายามฆ่าตัวตาย พิกัดนี้มีผู้เสียหาย 20 คน เป็นชาวฟิลิปปินส์ 14 คน ไต้หวัน 1 คน ไนจีเรีย 1 คน เอธิโอเปีย 2 คน และแคเมอรูน 2 คน
3. DekoPark ตั้งอยู่ที่วาเล่ย์ ห่างจากสะพานวาเล่ย์เพียง 4 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ประมาณ 10 นาที มีผู้เสียหายที่ถูกทารุณกรรมอย่างต่อเนื่อง 43 ราย เป็นชาวเอธิโอเปีย 26 ราย ยูกันดา 2 ปากีสถาน 3 แทนซาเนีย 1 อินโดนีเซีย 2 จีน 7 ไนจีเรีย 1 และอัฟริกัน 1 บางรายถูกทำร้ายจนสูญเสียอวัยวะ เช่น ตาบอด และชาวปากีสถานรายหนึ่งมือพิการใช้การไม่ได้ นอกจากนี้ยังมีการข่มขู่เรียกค่าไถ่จากญาติพี่น้องอีกด้วย
"เครือข่ายฯได้ประสานติดตามการช่วยเหลือผู้เสียหายทุกกลุ่มมาโดยตลอด โดยใช้ทุกช่องทาง เนื่องจากผู้เสียหายเหล่านี้ได้ประสานไปทางสถานทูตของตนเอง รวมทั้งกระทรวงการต่างประเทศไทยและเมียนมามานานหลายเดือนแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ จึงได้ร้องขอความช่วยเหลือมายังเครือข่ายฯ โดยผู้เสียหายส่วนใหญ่ที่เราส่งรายชื่อไป ทั้งในเขตกองกำลัง DKBA. และ BGF. ทยอยได้รับการช่วยเหลือเข้าสู่กระบวนการส่งกลับตามขั้นตอนที่กำหนดขึ้น เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา โดยส่งผ่านทางสะพานมิตรภาพไทยเมียนมาแห่งที่ 2 จ.เมียวดี แต่น่าเสียดายที่ไม่มีการเก็บข้อมูลหรือเข้าสู่กระบวนการ NRM. ในประเทศไทย ทำให้เราไม่มีข้อมูลใดๆ ที่จะช่วยป้องกันและนำไปสู่ความร่วมมือทางกฎหมายในการดำเนินคดีกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้" กฤติญา ผู้ประสานงานเครือข่ายฯกล่าว
กฤติญา กล่าวว่า การติดตามการช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ทั้งสามพิกัดวันนี้ นับจากที่พบกับ พล.ต.ซอส่วยวะ เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม ที่ผ่านมา หลังจากนั้นได้เกิดเหตุน้ำท่วมและเป็นช่วงที่มีพิธีผูกข้อมือของกะเหรี่ยงในชุมชนต่างๆ รวมถึงการสู้รบต่อเนื่อง ทำให้การช่วยเหลือล่าช้า ครั้งนี้จึงเดินทางไปเพื่อติดตามซึ่งก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยทาง พล.จ.ซอซานอ่อง ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารกองกำลัง DKBA. แจ้งให้ทราบว่าทาง DKBA. ได้ปล่อยพื้นที่ดังกล่าวให้เช่า แต่ไม่เห็นด้วยกับการทารุณกรรมหรือการค้ามนุษย์ และจะเร่งประสานช่วยเหลือตามรายชื่อที่ส่งให้โดยด่วน
ล่าสุดเครือข่ายฯได้ประสานส่งมอบสิ่งของจำเป็นเพื่อบรรเทาความกดดันให้กับผู้เสียหายที่กำลังจะได้รับการช่วยเหลือ ระหว่างรอเข้าสู่กระบวนการส่งกลับและเพื่อลดภาระของ DKBA. ในการดูแลผู้เสียหาย อีกทั้งประสานงานกับสถานทูตของผู้เสียหายแต่ละประเทศอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การส่งกลับเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้เครือข่ายฯ ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ให้ความร่วมมือ และหวังว่าญาติพี่น้องและครอบครัวของผู้เสียหายจะได้รับข่าวดีในเร็วๆ นี้
Advertisement