สื่อต่างประเทศรายงานภัยน้ำท่วมครั้งรุนแรงในปากีสถาน หลังเกิดฝนตกหนักในพื้นที่ทางตอนเหนือของประเทศ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 321 คน ภายในเวลาเพียง 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา ขณะที่มีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 23 คน
มีเจ้าหน้าที่กู้ภัยราว 2,000 นายเข้าปฏิบัติการค้นหาร่างผู้เสียชีวิตและช่วยเหลือผู้ประสบภัยใน 9 อำเภอที่ได้รับผลกระทบตามซากปรักหักพังต่างๆ แม้ฝนยังตกหนักและเป็นอุปสรรคต่อการทำงาน/ชาวบ้านผู้ประสบภัยรายหนึ่งเล่าว่า ทุกคนยังคงค้นหาผู้รอดชีวิตและผู้เสียชีวิตตลอดทั้งคืน “หมู่บ้านทั้งหมู่บ้านเต็มไปด้วยความโศกเศร้า เราไม่รู้แน่ชัดว่าใครยังมีชีวิตอยู่และใครจากไปแล้ว ผมต้องช่วยขุดหาศพเด็กนักเรียนที่ผมเคยสอน มันทำให้ผมสงสัยว่าธรรมชาติกำลังทดสอบอะไรพวกเขากันแน่
ด้านบิลาล อาห์เหม็ด ไฟซี โฆษกหน่วยกู้ภัยจังหวัดกล่าวกับ AFP ว่า“ฝนตกหนัก ดินถล่ม และถนนถูกน้ำพัดขาดหลายสาย ทำให้การส่งความช่วยเหลือประสบปัญหาอย่างมาก โดยเฉพาะการลำเลียงเครื่องจักรหนักและรถพยาบาล”
พร้อมเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่หลายพื้นที่ต้องเดินเท้าเข้าไปช่วยเหลือ เนื่องจากถนนถูกตัดขาด ขณะที่ผู้ประสบภัยจำนวนมากยังไม่อพยพออกจากพื้นที่เพราะมีญาติพี่น้องติดอยู่ใต้ซากปรักหักพัง
ล่าสุด รัฐบาลจังหวัดได้ประกาศหลายพื้นที่เป็นเขตภัยพิบัติร้ายแรงแล้ว ขณะที่กรมอุตุนิยมวิทยาปากีสถานออกประกาศเตือนฝนตกหนักในภาคตะวันตกเฉียงเหนือในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า
ความรุนแรงของสถานการณ์ภัยน้ำท่วมที่เกิดขึ้น ทำให้มีการเปรียบเปรยว่าเหมือนกับมรสุมวันสิ้นโลก โดยหนึ่งใน ชาวบ้านในอำเภอบูนีร์ พื้นที่ที่เจอภัยธรรมชาติรุนแรง เล่าว่าขณะเกิดเหตุรู้สึกเหมือนโลกแตก “ผมได้ยินเสียงดังเหมือนภูเขากำลังถล่ม พอออกมาข้างนอกก็เห็นพื้นที่สั่นสะเทือนราวกับวันสิ้นโลก พื้นดินสั่นสะเทือนจากแรงน้ำราวกับความตายกำลังจ้องมองอยู่ตรงหน้า
สำหรับฤดูมรสุมในภูมิภาคเอเชียใต้ กินเวลาตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงกันยายน แม้ว่าน้ำฝนที่มีความสำคัญต่อการเกษตร แต่ก็มาพร้อมกับภัยพิบัติร้ายแรงเช่นกัน
โดยเจ้าหน้าที่เผยว่ามรสุมปีนี้เริ่มเร็วกว่าปกติและจะสิ้นสุดช้ากว่าทุกปี และตั้งแต่ต้นฤดูมรสุมฤดูร้อนปีนี้ ฝนที่ตกหนักผิดปกติได้คร่าชีวิตประชาชนไปแล้วมากกว่า 600 ราย โดยเฉพาะในแคว้นปัญจาบซึ่งมีประชากรราวครึ่งหนึ่งของทั้งประเทศ ได้รับปริมาณน้ำฝนสูงกว่าปีก่อนถึง 73% และมีผู้เสียชีวิตมากกว่าทั้งฤดูมรสุมปีก่อนรวมกัน
ทั้งนี้ ปากีสถานถือเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยย้อนกลับไปเหตุอุทกภัยครั้งใหญ่ในปี 2565 เคยทำให้พื้นที่กว่าหนึ่งในสามของประเทศจมใต้น้ำ และมีผู้เสียชีวิตราว 1,700 คน
Advertisement