Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ทนายนิด้า เผยคดี เป๊ก ผลิตโชค ผิดทั้งคู่ มือมีดป้องกันตัวเกินกว่าเหตุ

ทนายนิด้า เผยคดี เป๊ก ผลิตโชค ผิดทั้งคู่ มือมีดป้องกันตัวเกินกว่าเหตุ

4 ส.ค. 68
22:20 น.
แชร์

ทนายนิด้า เผย! คดี เป๊ก ผลิตโชค ผิดทั้งคู่ ด้านมือมีดป้องกันตัวเกินกว่าเหตุ ย้ำ “เป๊ก” มีสิทธิ์ไม่ตรวจฉี่

ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันในโลกโซเชียล จากกรณีสุดช็อก นักร้องดัง “เป๊ก ผลิตโชค” ก่อเหตุไร้สติปีนเกาะหน้ารถกระบะ-แท็กซี่ ก่อนจะไปมีเรื่องกัน จนคู่กรณีใช้มีดฟันเข้าที่คาง ซึ่งก็มีคนอยากทราบถึงข้อกฏหมาย ว่าพฤติกรรมนี้ใครผิดกันแน่ งานนี้ “ทนายนิด้า ศรันยา” ก็ได้โพสต์ถึงกรณีนี้ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวเช่นกัน

วันนี้ (04 ส.ค.68) ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีได้เดินทางมาพูดคุยกับ “ทนายนิด้า ศรันยา“ เพื่อถามถึงข้อกฏหมาย จากกรณีของ เป๊ก ผลิตโชค

โดยทางทนาย เผยว่า จากประเด็นนี้ก็ต้องไล่เหตุการณ์ แต่ประเด็นหลักๆที่กำลังถกเถียง คือเรื่องของ “เป๊ก ผลิตโชค” และ “มือมีด” เป็นหลัก ส่วนลุงขับรถอาจจะไม่ได้มีเหตุวิวาทกันเท่าไหร่ แต่ถ้าลำดับเหตุการณ์จากที่มีภาพ “เป๊ก” ไปเกาะหน้ารถ เขาเลยได้เลี้ยวเข้ามาปั๊มน้ำมัน เสร็จแล้วก็มีการลงจอดพูดคุยกัน หลังจากนั้นก็มีหลายคนเดินเข้ามาหา “เป๊ก” ตามด้วย “มือมีด“ ซึ่งทาง ”เป๊ก“ ได้เดินไปหาพร้อมเหวี่ยงไม้เหวี่ยงมือ ถ้าเหวี่ยงไม่โดนจะเป็นเรื่องของการพยายามทำร้ายร่างกาย แต่ถ้าโดนถือว่าทำร้ายร่างกายสำเร็จแล้ว

ซึ่งข้อพิจารณาต่อมา ถ้ามองตามคลิป จะเห็นได้ว่าเป็นเรื่องของหมัดมวย ไม่ได้เห็นว่าเขามีการถืออาวุธ หรือไม่ได้มีทีท่าว่าจะควักอะไรออกมาจากกระเป๋า เพราะฉะนั้นภัยที่ เป๊ก ก่อ คือภัยในการทำร้ายร่างกาย แต่ถ้าสมมติว่าอีกฝ่ายหนึ่งไม่ได้มีการต่อสู้ แล้วเหวี่ยงแขนไปโดนสองทีก็ต้องดูแผลจากผู้ก่อเหตุอีก ว่ารุนแรงมากแค่ไหน เพราะถ้าฟกช้ำนิดหน่อยจะเป็นเรื่องของลหุโทษ ตามมาตรา 391 โทษจำคุกสูงสุดแค่หนึ่งเดือน ปรับ 10,000 บาท

ต่อมา มือมีด หากสมมติว่าตัวเองถูก เป๊ก เข้ามาทำร้ายร่างกาย โดยหลักแล้วเค้าไม่จำเป็นต้องวิ่งหนี เพราะเขาสามารถป้องกันตัวเองได้ และสามารถต่อสู้ภัยนั้นได้ เพราะละเมิดต่อกฎหมาย เพราะฉะนั้นการป้องกันตัวของเค้าอนุญาตให้กระทำได้โดยไม่มีความผิดเลย อย่างไรก็ตาม แต่ถ้าภัยที่ทาง เป๊ก กระทำผิดกฏหมายนั้น กับที่มือมีดกระทำไปเพื่อป้องกันตัวเองนั้น มันเกินสัดส่วนกัน หรือหากอีกกรณีถ้า “เป๊ก” มีมีดแล้วคู่กรณีมีมีดเช่นกัน แต่ “เป๊ก” เหวี่ยงไม่โดน คู่กรณีเหวี่ยงโดน อันนี้มองได้ว่าเป็นการกระทำที่สมควรแก่เหตุ หรือถ้าเหวี่ยงไปแล้ว “เป๊ก” ล้มลงแต่มีไปขยี้หนึ่งถึงสองที เพื่อเช็คว่าสงบจริง ส่วนตัวการกระทำนี้ เป็นการป้องกันโดยสมควรแก่เหตุ

จากที่ดูคลิปกล้องวงจรปิดเราจะเห็นว่าทาง “เป๊ก” ไม่ได้มีอะไรเลย ความเสมอเลยไม่เท่ากัน กลายเป็นว่าทั้งสองฝ่ายเจตนาทำร้ายร่างกายต่อกัน ซึ่งมือมีดสามารถยกข้อกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเองได้ว่า เค้าเจตนาที่จะทำร้าย “เป๊ก” กลับจริง เพราะเขาเป็นผู้เจตนากระทำความผิดต่อตนก่อน

แต่ส่วนตัวตน ก็มองว่ามีแค่มีดกับหมัดสิ่งนี้ก็เกินกว่าเหตุแล้ว พอมีการไปขยี้ซ้ำ มันก็คือเจตนาทำร้ายร่างกายได้ ซึ่งภัยมันควรจะจบไปตั้งแต่เขาล้มลงแล้ว พอกระทำต่อก็เป็นเรื่องของภัยเกินกว่าเหตุ ส่วนที่ทาง “เป๊ก” ล้มลงแล้ว แต่ลุกขึ้นไปหาบุคคลอื่นในปั๊มอีกอันนี้ก็จะเป็นอีกภัยหนึ่ง ถ้าวิ่งไปแล้วไม่มีอาวุธเด็กปั๊มก็สามารถชกกลับได้ สำหรับทางมือมีดพอเห็นว่า “เป๊ก” ลุกขึ้นมาอีก ก็สามารถวิ่งเข้าไประงับเหตุได้อีกเช่นกัน เพราะกฎหมายบังคับว่าให้ทำจากน้อยไปหามาก แต่เห็นว่าเขาไม่มีอาวุธอันนี้ก็คือการกระทำเกินกว่าเหตุ เพราะฉะนั้นมันต้องพิจารณาตามความเหมาะสม หากตนมองจากคลิปที่เห็นผ่านสื่อ ตนมองว่ามันคือการป้องกันเกินสมควรกว่าเหตุไปอยู่บ้าง

คนมองว่ามือมีดสมัครใจเข้าไปวิวาท ซึ่งตนมองว่า เรื่องนี้มันคนละเรื่อง ต้องดูจากพฤติการณ์ในขณะนั้น เพราะมีรถเลี้ยวเข้ามา อีกทั้งยังมีคนเกาะอยู่หน้ารถ เป็นตนก็เดินเข้าไปดู อยากรู้ว่าเหตุการณ์มันมีรถชนกันหรือเปล่า และกฎหมายเค้าไม่ได้ห้ามไทยมุง อีกทั้งกฎหมายเราก็ยังมีเรื่องของการสนับสนุนพลเมืองดีด้วย จากที่ดูในคลิปผู้ก่อเหตุหรือมือมีด เขาเดินไปก็ไม่ได้ประชิดตัว “เป๊ก” เลย เขาเดินไปก็ไปยืนอยู่หน้ารถ ถ้าบอกเจตนา เค้าตั้งใจหาเรื่องตั้งแต่ต้นจากคลิปมันไม่ได้เป็นแบบนั้น มันเลยไม่ใช่การสมัครใจวิวาท มือมีดหรือผู้ก่อเหตุจุดเริ่มต้นเขาไม่ได้ผิดเลย

หลายคนเกิดความสงสัยว่าหากไม่ได้เมาสุรา แต่ขาดสติเพราะสิ่งอื่นตรงนี้จะมีความผิดยังไงบ้าง เจ้าตัวก็บอกว่า การเสพสุราหรือสิ่งมึนเมาจะมาอ้างให้ตัวเองพ้นความผิดไม่ได้ เพราะเลือกสมัครใจเสพของมึนเมาไปแล้ว แต่มันมีข้อยกเว้นอยู่นิดเดียว คือถ้าเขากินยา เสพ หรือดื่มอะไรที่ตัวเค้าไม่รู้ว่าสิ่งนี้ไม่มึนเมา กรณีนี้ยังสามารถยกมาเป็นข้ออ้างได้บ้าง แต่ถ้าอ้างว่าตนเสพสุราหรือเสพอะไรที่ทำให้มึนเมาตรงศาลไม่รับฟัง

ส่วนประเด็นที่สังคมโซเชียลอยากให้ทาง “เป๊ก” ตรวจปัสสาวะ สามารถทำได้เลยไหม เจ้าตัวบอกว่า ทางตำรวจสามารถขอให้ตรวจสารเสพติดได้ แต่มันเป็นสิทธิ์ของเนื้อตัวร่างกายผู้ถูกตรวจเหมือนกัน ถ้าทางเจ้าหน้าที่เห็นว่าสมควรในการตรวจแล้วสั่งให้ไปตรวจ แต่ทางผู้กระทำผิดไม่ยอมตรวจ ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าบุคคลนั้นมีสารเสพติดในร่างกาย ดังนั้นการพิสูจน์จะอยู่ที่ตัว “เป๊ก” เอง ถ้าไปตรวจแต่ไม่พบสารอะไรมันก็เป็นสิ่งดีสำหรับเขา แต่ถ้าไปตรวจแล้วเจอสารบางอย่างก็ต้องเช็กว่าสารตัวนี้เป็นส่วนผสมของยาชนิดใดหรือเปล่า เพื่อเช็กในการยกเว้นการรับผิดได้ อย่างไรก็ตามก็เป็นสิทธิ์ของทาง “เป๊ก” เอง แต่ถ้าไม่ยอมตรวจอะไรเลยอาจจะเป็นผลร้ายกับตัวเขา

ถามว่าหากประชาชนเจอเหตุการณ์แบบนี้ควรจะปฏิบัติตัวยังไง เจ้าตัวบอกว่า ในยุคนี้ภัยสังคมมันร้ายแรงมากขึ้น ถึงขั้นเสียชีวิต จนทำให้พลเมืองดีลดน้อยลง แต่อย่างไรก็ตามในหลักของกฎหมายก็ยังมีกฎหมายที่คุ้มครองพลเมืองดีได้ ที่ต้องการจะไปช่วยคนอื่น เมื่อเห็นว่าตกอยู่ในอันตราย

สุดท้ายมีอะไรฝากถึงประชาชนที่แชร์ข่าวโดยไม่ได้ทราบถึงเนื้อหาก่อนไหม เจ้าตัวก็บอกว่า เราสามารถแชร์เป็นประเด็นและองค์ความรู้ได้ ควรต้องคอมเมนต์อย่างสุภาพ หากไปคอมเมนต์เชิงต้องข้อสงสัยว่าเค้าต้องเสพสารเสพติดแน่เลย ตรงนี้จะเข้าข่ายประมาท แต่ถ้าหากไปวิพากษ์วิจารณ์ ว่ากรณีนี้ผิดกฎหมายใดบ้าง โดยใช้การถกประเด็นในเรื่องของกฎหมาย กรณีนี้สามารถทำได้ไม่ผิดอะไร

Advertisement

แชร์
ทนายนิด้า เผยคดี เป๊ก ผลิตโชค ผิดทั้งคู่ มือมีดป้องกันตัวเกินกว่าเหตุ