(23 ก.ค. 2568) นายพิเชษฐ ตัญกาญจน์ และนางสุกัลยา ตัญกาญจน์ พ่อกับแม่ของ นักเรียนเตรียมทหารภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน โดย นายพิเชษฐ พ่อน้องเมย บอกว่า การต่อสู้ของครอบครัวตลอดระยะเวลา 8 ปี รู้สึกเหนื่อยมาก การต่อสู้หลังจากนี้ขอให้เป็นหน้าที่ของทนายความ
ตอนนี้ทราบข่าวแล้วว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อยากให้ครอบครัวเข้าไปพบ โดยส่วนตัวก็อยากพบ ผบ.ตร.เช่นกัน เพื่อจะเข้าไปขอความเมตตาจากท่าน และอยากฝากไปถึง ผบ.ตร. ว่า นายตำรวจที่เป็นคู่กรณีของลูกชายสมควรที่จะได้รับราชการตำรวจต่อหรือไม่ ยืนยันว่าตัวเองไม่อยากให้คู่กรณีของลูกชายถูกไล่ออกจากราชการ แต่ให้เป็นดุลยพินิจของ ผบ.ตร. และผู้ที่เกี่ยวข้องจะดีที่สุด ทั้งนี้เองก็ไม่ขอโทษ ผบ.ตร. คนปัจจุบันเนื่องจากท่านพึ่งมารับตำแหน่งได้ไม่นาน
ส่วนการตั้งข้อสังเกตว่า ตอนที่เกิดเหตุคู่กรณีเป็นนักเรียนเตรียมทหารจึงไม่สามารถเอาผิดได้ พ่อของน้องเมยบอกว่า ณ ตอนนั้น คู่กรณีของลูกชาย ได้เลือกที่จะเรียนเหล่าตำรวจไปแล้ว ส่วนลูกชายของตนเองได้เลือกเหล่านายร้อยจปร. พร้อมตั้งข้อสังเกตว่านายตำรวจ ที่เป็นคู่กรณีของลูกชายทำไมยศขึ้นเร็วจัง จากยศร้อยตำรวจตรี ตำแหน่งไปยศตำรวจโทเร็วเกินไปหรือไม่ แล้วคณะกต.ตร. ได้ตรวจสอบเรื่องนี้หรือยัง
พ่อกับแม่น้องเมยบอกว่า ตั้งแต่เกิดเรื่องจนถึงปัจจุบันนี้ยังไม่ได้รับคำขอโทษจากทางคู่กรณีเลยแม้แต่ครั้งเดียว มองว่าใจดำเกินไป
พ่อของน้องเมย ตั้งคำถามไปยังสังคมว่า ถ้าเกิดลูกของคุณต้องมาเสียชีวิต เหมือนลูกของผม แล้วคนกระทำลูกของคุณได้เจริญเติบโตในหน้าที่การงานเป็นตำรวจชั้นสัญญาบัตร คุณจะมีความรู้สึกอย่างไร ให้คุณไปคิดเอาเอง ซึ่งตัวเองก็ไม่อยากก้าวล่วงคำตัดสินของศาล
ในส่วนประเด็นเรื่องอวัยวะภายในของลูกชายที่หายไป ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางครอบครัวน้องเนยได้มีการแจ้งความกับแพทย์ผ่าชันสูตรน้องเมยด้วยหรือไม่ เรื่องนี้พ่อน้องเมยกล่าวว่า ยังเป็นคดีความกันอยู่ พนักงานสอบสวนของสน.พญาไท ได้มีการเรียกแพทย์ที่เป็นคนผ่าร่างน้องเมยเป็นคนแรก เพื่อเข้ามาให้ปากคำแล้ว แต่ครอบครัวยังไม่ทราบรายละเอียด
ที่ผ่านมาครอบครัวพยายามตามเรื่องนี้มาโดยตลอดระยะเวลา 3 ถึง 4 ปี แต่พนักงานสน.พญาไท บอกว่าได้เรียกหมอคนนี้ มาสอบปากคำแล้ว 2 ครั้ง แต่หมอคนนี้ก็ไม่ได้มา ทางครอบครัวจึงสงสัยว่าทำไม พนักงานสอบสวนรายนี้ถึงไม่ออกหมายจับ
พ่อของน้องเมย ยืนยันว่า ร่างของลูกชาย ที่ครอบครัวได้รับมา หลังถูกผ่าชันสูตรครั้งที่สอง ที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ภายในร่างเต็มไปด้วยทิชชูและผ้าก๊อซ โดยอวัยวะที่หายไป สมอง หัวใจ และตับ เรื่องนี้ครอบครัวยังคงรอคำตอบจากทางแพทยสภาว่าหายไปได้อย่างไร ถ้าไม่มีอะไรที่ปกปิดจริง เหตุใดถึงไม่ถึงไม่เอาอวัยวะภายในทั้ง 3 ส่วนนี้ ใส่กลับเข้าไปในร่างของน้องเมย และถ้าเกิดครอบครัวตัดสินใจเผาร่างน้องเมยตั้งแต่เมื่อปี 61 อาจจะทำให้หลักฐานสำคัญสำคัญหายไป แล้วจะมีคนที่ไม่ได้รับความผิด
ด้าน นางสุกัลยา ตัญกาญจน์ แม่ของน้องเมย กล่าวขอขอบคุณสื่อมวลชนและประชาชนที่ให้กำลังใจ กับครอบครัวมาโดยตลอด ยอมรับว่าตลอดระยะเวลาแปดปีที่ผ่านมาเหนื่อยมาก ที่ต้องสู้เพื่อลูก เชื่อว่าวิญญาณลูกชายรับรู้ได้ว่าพ่อกับแม่ต่อสู้อย่างยากลำบาก มากแค่ไหน มันไม่ง่ายเลย เพราะไม่เคยได้รับความร่วมมือจากฝ่ายใดเลย สุขภาพร่างกายก็ทรุดโทรมลงเรื่อยๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่าเรื่องที่ทางโซเชียลมีการโพสต์โจมตีครอบครัว เรื่องนี้แม่น้องเมยตอบว่า มีการโพสต์โจมตีอยู่แล้วตั้งแต่น้องเมยเสียชีวิตใหม่ๆ จากผู้ปกครองของนักเรียนในสถาบันเดียวกัน ซึ่งแม่น้องเมยยืนยันว่าตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา ไม่เคยพูดโจมตีสถาบันเลยแม้แต่ครั้งเดียว เราให้เกียรติสถาบันมาโดยตลอด แต่ทุกวันนี้เราต่อสู้เพื่อหาความยุติธรรมให้กับลูกชาย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีที่แม่เคยพูดว่าจะอยู่จนถึงลมหายใจสุดท้ายเพื่อจะแก้ข้อกล่าวหา ที่ว่าลูกชายป่วยเสียชีวิต กรณีนี้แม่น้องเมยตอบว่า แม่กำลังพยายามแก้ข้อกล่าวหาที่มีคนอ้างว่าลูกชายป่วยเสียชีวิตไปเอง ซึ่งเป็นการแก้มลทิน ก่อนที่แม่จะเสียชีวิตไป พร้อมตั้งคำถามทั้งน้ำตา และร้องไห้กลับไปยังสังคมว่า คุณจะรู้สึกเจ็บปวดหรือไม่ในเมื่อ คุณรู้มาตลอดว่าลูกชายคุณแข็งแรงดี แต่มีคนมากล่าวหาว่าลูกชายคุณป่วยเสียชีวิตไปเอง ถ้าลูกชายมีปัญหาเรื่องสุขภาพจริง คงไม่ผ่านการฝึกมานานถึง 5 เดือน เพราะหลักสูตรการฝึก ของโรงเรียนเตรียมทหารถือว่าฝึกหนัก ถ้าร่างกานผิดปกติจริง น้องเมยต้องตายก่อน 5 เดือน
Advertisement