กรณี พระมหาทิวากร เจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท ได้หายตัวออกไปจากวัด ตั้งแต่ช่วงสายของวันที่ 10 กรกฎาคม 2568 หลังจากมีข้อมูลเชื่อมโยงการโอนเงินไปให้กับสีกากอล์ฟ จำนวนกว่า 1 ล้านบาทนั้น
ล่าสุดทีมข่าวได้ไปพบพระลูกวัดรูปหนึ่ง ที่วัดใหญ่จอมปราสาท บวชมา 10 กว่าปีแล้ว เจ้าตัว ยอมรับว่าที่ผ่านมาไม่ได้มีใครดูแลบัญชีของวัด มีเพียงแค่เจ้าอาวาสที่คอยดูแลเพียงแค่รูปเดียว และส่วนใหญ่เวลาคนมาทำบุญก็จะทำเป็นเงินสด เพราะที่วัดไม่ได้มีบริการสแกน QR Code มีเพียงแค่การแจ้งบัญชีวัดไว้บน Facebook เผื่อใครอยากจะโอนมาทำบุญ ซึ่งหากเป็นงานบุญงานประเพณีที่วัด รวมถึงค่าที่จอดเรือ ทางเจ้าอาวาสก็จะรับไว้และเอาไปเก็บเพียงแค่คนเดียว
แต่เจ้าอาวาสก็มีการนำเงินดังกล่าวมาทำนุบำรุงและพัฒนาวัดอยู่ตลอด อย่างงานกฐินปี 2567 ก็ได้เงินมาประมาณ 1 ล้านกว่าบาท ส่วนเมื่อปี 2566 ก็ได้เกือบล้าน ซึ่งเจ้าอาวาสได้มีการนำมาทำกำแพงวัด และทำหลังคาวัด รวมถึงซ่อมส่วนต่างๆ แต่ก็ไม่มีใครทราบว่ารายรับรายจ่ายเป็นจำนวนเท่าไหร่ รู้เพียงแค่ว่ามีบางครั้งที่เจ้าอาวาสไปเอาของจากร้านวัสดุมาก่อน แล้วค่อยเอาเงินจากงานทอดกฐินไปให้ ซึ่งส่วนตัวก็มองว่าประเด็นนี้เป็นเรื่องปกติ
ก็เลยทำให้เกิดคำถามในใจตลอดว่าตามหลักปฏิบัติจริงๆมันต้องมีการแต่งตั้งกรรมการหรือไม่ก็ไวยาวัจกรวัด แต่นี่แม้แต่ไวยาวัจกรวัดก็ไม่ได้มีมาหลายปีแล้ว ทำให้พอเกิดเหตุแบบนี้ขึ้นมามันก็ไม่แปลกที่จะโยงมาถึงเส้นเงินของบัญชีวัด
และสาเหตุที่ทางเจ้าอาวาสมอบตำแหน่งรักษาการให้กับ “พระอธิการแผน” นั้น ตนก็มองว่าเป็นเพราะเล็งเห็นว่าที่ผ่านมา “พระอธิการแผน” ได้ช่วยงานที่บริเวณด้านล่างมาเป็นอย่างดี ทำงานประเพณี และงานบุญ แล้วก็บวชมานานด้วย
ขณะเดียวกันเมื่อทีมข่าวลองตรวจสอบเฟซบุ๊ก ของ “พระมหาทิวากร” เจ้าอาวาส พบว่ามีโพสต์ที่มีการเชิญชวนร่วมทำบุญ มีการระบุเลขบัญชีธนาคารไว้ แต่ชื่อบัญชีเป็นชื่อของ "พระมหาทิวากร" ไม่ได้ปรากฏเป็นชื่อวัดใหญ่จอมปราสาทเหมือนกับวัดอื่นๆ
และเมื่อทีมข่าวลองทดสอบโอนเงินไปตามเลขบัญชีที่ระบุไว้ ปรากฏว่าบัญชีปลายทางเป็นชื่อของ "พระมหาทิวากร" จริงๆ
Advertisement