ยังไร้วี่แวว เจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาทไม่กลับบ้านเกิด
ยังไร้วี่แวว ! เจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาทไม่กลับบ้านเกิดขอนแก่น พบมาเยี่ยมแม่ช่วงก่อนเข้าพรรษา และไม่สามารถติดต่อได้อีก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 13 กรกฎาคม 2568 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบที่บ้านเลขที่ 232 หมู่ 12 ตำบลสะอาด อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นบ้านของ พระมหาทิวากร ดีไพร เจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท ตำบลท่าจีน อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร หลังมีรายชื่อเป็นหนึ่งในพระภิกษุสงฆ์ 12 รูป ที่ปรากฏในเส้นทางการโอนเงินให้กับ “สีกากอล์ฟ” โดยพบว่าในช่วงปี 2565–2568 พระมหาทิวากรได้โอนเงินให้สีกากอล์ฟ จำนวน 1,176,740 บาท ขณะเดียวกันสีกากอล์ฟก็โอนเงินกลับมาให้ พระมหาทิวากร 357,500 บาท และเมื่อช่วงเช้าวันที่ 10 กรกฎาคม ที่ผ่านมา พระมหาทิวากร ได้เดินทางออกจากวัดใหญ่จอมปราสาท พร้อมกับหลานชายที่ทำหน้าที่เป็นคนขับรถ และนับตั้งแต่นั้นก็ไม่สามารถติดต่อได้ รวมถึงบัญชีไลน์ของพระมหาทิวากร ได้ออกจากกลุ่มต่างๆของวัดแล้วเช่นกัน
จากการลงพื้นที่ที่บ้านพบว่ามีนางทองจันทร์ อายุ 83 ปี มารดาของพระมหาทิวากร พักอยู่ภายในบ้านและมีนายชำนาญ อายุ 55 ปี น้องชายของพระมหาทิวากรพักอยู่บ้านข้างกัน คอยดูแลมารดาร่วมกับภรรยาและลูกสาว
โดยนายชำนาญ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า พระมหาทิวากร มาที่บ้านเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยมากับคนขับรถเพียง 2 คน ซึ่งเป็นปกติที่พระจะเดินทางมาเยี่ยมแม่ทุกปีก่อนเข้าพรรษา พร้อมกับนำผลไม้มาฝาก และมอบเงินให้แม่ไว้ประมาณ 2,000–3,000 บาท ก่อนจะเดินทางกลับ โดยไม่ได้พูดคุยเรื่องส่วนตัวใดๆกับตนเอง
นายชำนาญ กล่าวว่า ตนและครอบครัวไม่เคยทราบเรื่องเส้นทางการโอนเงินระหว่างพระมหาทิวากร กับ สีกากอล์ฟมาก่อน เพราะในแต่ละวันทำไร่ทำนา ไม่มีเวลาดูข่าวหรือเล่นโทรศัพท์มือถือ ส่วนกรณีข่าวที่ปรากฏก็ไม่ได้ตกใจอะไรมากนัก เนื่องจากถือว่าเป็นเรื่องส่วนบุคคล แต่รู้สึกสงสารแม่ ที่มีท่าทีเครียด เศร้า กินข้าวได้น้อย และไม่สบายใจ เพราะขณะนี้นางทองจันทร์ มีอาการเจ็บป่วยไม่สามารถเดินได้
ทั้งนี้ พระมหาทิวากร ได้ไปจำวัดที่วัดโสภิตาราม วัดประจำหมู่บ้าน ในตำบลสะอาด ซึ่งเป็นประจำทุกครั้งที่กลับมาเยี่ยมแม่ โดยเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคมที่ผ่านมาก็ได้เข้าพักที่กุฏิรับรองภายในวัดดังกล่าว
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่วัดโสภิตาราม ได้พูดคุยกับทาง พระสมบูรณ์ โสภโณ อายุ 60 ปี เจ้าอาวาสวัดโสภิตาราม พาผู้สื่อข่าวไปดูภายในกุฏิรับรองที่พระมหาทิวากรมาจำวัด
และจากการสอบถามทางเจ้าอาวาส บอกกับผู้สื่อข่าวว่า พระมหาทิวากร จะมาพักที่นี่เป็นประจำช่วงก่อนเข้าพรรษา เพื่อเยี่ยมโยมแม่ ซึ่งสูงอายุและมีโรคประจำตัว ส่วนใหญ่จะพูดคุยกันเพียงเรื่องทั่วไป ไม่ได้สอบถามเรื่องส่วนตัว และไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับข่าวที่เกิดขึ้น พอมีข่าวออกมาก็ตกใจเช่นกัน แต่ไม่ได้ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม เพราะไม่ได้สนิทหรือพูดคุยกันบ่อยนัก
พระมหาทิวากร มีลักษณะสมถะ แม้จะเป็นพระผู้ใหญ่ก็ไม่ถือยศ ไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้วัด เวลาพักอยู่ในกุฏิรับรองก็นอนพื้น มีเพียงหมอนกับผ้าห่มวางอยู่หน้าโต๊ะหมู่บูชา ที่ประดิษฐานพระพุทธรูป ส่วนคนขับรถจะนอนอยู่อีกมุมหนึ่งของกุฏิ เพื่อดูแลท่าน ช่วงเช้าก็ลงมาฉันจังหันร่วมกับพระในวัดและญาติโยมที่มาถวาย แล้วเดินทางไปเยี่ยมโยมแม่ที่บ้าน จากนั้นก็กลับโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า วันสุดท้ายที่มาพักเมื่อเดินทางกลับก็โทรมาบอกให้ล็อกกุฏิ เพราะออกเดินทางมาถึงจังหวัดนครราชสีมาแล้ว จึงรู้ว่าท่านกลับตอนนี้ยังไม่เห็นมีคลิปหลุดมา เพียงแต่มีในเรื่องของเส้นทางการเงินที่มีการโอนให้สีกากอล์ฟ และสีกากอล์ฟก็โอนให้ท่าน ซึ่งเบื้องลึกไม่มีใครทราบว่าเป็นมายังไง ก็ต้องให้เป็นเรื่องของกระบวนการต่างๆ แต่หากถามว่ามีอะไรเกี่ยวข้องกับวัดแห่งนี้หรือไม่ ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกัน เพียงแต่พระมหาทิวากร จะมาจำวัดเท่านั้น และทุกครั้งที่มาก็จะจำวัดเพียง 1-2 คืนก็กลับไป
Advertisement
