วันที่ 2 ก.ค. 68 เจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัดกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) 2 นาย ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.เพชรเกษม ลงพื้นที่เข้าไปตรวจสอบภายในกุฎิของ พระราชวัชรพัฒนาทร เจ้าอาวาสวัดม่วง แขวงหลักสอง เขตบางแค
ซึ่งทันทีที่เดินทางมาถึงพบว่าได้มีการใช้พื้นที่ด้านล่างอาคารของโรงเรียนพระปริยัติธรรมเป็นกุฎิ โดยมีการล็อกกุญแจด้านหน้าทางเข้า เมื่อตำรวจพยายามโทรศัพท์ติดต่อไปหาเจ้าอาวาส เพื่อให้นำค้นภายในก็ไม่สามารถติดต่อได้ จึงได้ใช้วิธีการเดินตรวจสอบโดยรอบบริเวณ พร้อมขอข้อมูลจากบุคคลภายในวัด
พระนิทัศน์ อดีตพระคนสนิทเจ้าอาวาสวัดม่วง เปิดเผยว่า หลังปรากฏข่าวเจ้าอาวาส ส่งตัวแทนเข้าแจ้งความว่า เงินและทองคำภายในกุฎิหาย ส่วนตัวตั้งข้อสังเกตว่ากุฏิดังกล่าวไม่มีรอยงัดแงะ และการจะเข้าไปภายในต้องผ่านประตู ซึ่งล็อกถึง 5 ชั้น จึงแทบไม่มีความเป็นไปได้ที่บุคคลอื่นจะสามารถเข้าไปได้ ขณะเดียวกันยังมองว่าตู้เซฟที่มีการเก็บทรัพย์สินไว้นั้นมีขนาดใหญ่ การจะนำทรัพย์สินภายในออกไปก็ทำได้ยากเช่นกัน
นอกจากนี้ พระนิทัศน์ ยังอ้างว่า วัดแห่งนี้มีรายได้จากเงินบริจาคจำนวนมหาศาล แต่ไม่เคยเปิดเผยต่อสาธารณะ หรือแม้แต่พระภิกษุในวัดเอง ส่วนการสร้างโบสถ์ และสร้างพระประธาน ต้องใช้เงินหลายล้านบาท แต่ก็ไม่มีใครรู้ข้อมูลรายรับรายจ่ายของวัด นอกจากเจ้าอาวาสเพียงคนเดียว จึงอยากเรียกร้องให้มีการตรวจสอบเส้นทางการเงินภายในวัดอย่างจริงจัง โดยเฉพาะยอดเงินบริจาค
สำหรับการเข้าตรวจสอบในวันนี้ ทางชุดสืบสวน บก.ปปป. ได้เข้ามาประสานขอข้อมูลกับตำรวจ ซึ่งเป็นการตรวจสอบตามขั้นตอน เบื้องต้นชุดสืบสวน สน.เพชรเกษม พบข้อมูลว่าเจ้าอาวาสมีหลักฐานยืนยันชัดเจนว่า เงิน 10 ล้านที่เบิกออกมาเป็นการเบิกจากบัญชีส่วนตัวจริง แต่เส้นทางการเงินก่อนจะเข้ามายังบัญชีส่วนตัวนั้นเป็นส่วนที่ บก.ปปป. ต้องรับไปตรวจสอบต่อ โดยหลังรับแจ้งความเมื่อวันที่ 29 มิ.ย. ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนสน.เพชรเกษม ได้เรียกผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำพอสมควรแล้ว ประกอบกับพยานหลักฐานต่างๆ พบมีแนวโน้มว่า ทรัพย์สินดังกล่าวหายไปจริง ซึ่งทางเจ้าอาวาสก็ให้การกับตำรวจ ยอมรับว่าตัวเองประมาทที่วางทรัพย์สินไว้ในกุฏิ เพราะไม่คิดว่าจะมีใครเข้ามาเอาไป สอดคล้องกับที่ตำรวจเข้าไปตรวจสอบในกุฏิก็พบว่าเจ้าอาวาสได้วางซองเงินต่างๆ ที่มีผู้มาถวายมาให้ กองเอาไว้ในกุฏิ
นอกจากนี้เจ้าอาวาส ยังให้การว่า ปกติแล้วจะเก็บเงินเอาไว้ในบัญชีแยกกับส่วนที่บริจาคเข้าวัด และการที่ไปเบิกเงินออกมาครั้งนี้ ก็เพราะมีคนสนิทแนะนำว่า หากเก็บเงินไว้เฉยๆ จะไม่งอกเงย จึงให้ไปเบิกมาลงทุนซื้อทองคำ เพื่อที่เงินจะงอกเงยและนำมาบูรณะวัด จึงได้มีการไปเบิกมาเก็บไว้ เตรียมจะไปซื้อทองคำ โดยเก็บรวมกับทองคำแท่งที่ซื้อมาก่อนหน้านี้ ซึ่งเบื้องต้น ตำรวจได้พุ่งเป้าไปที่คนใน เพราะกุฏิเจ้าอาวาสนั้น หากไม่ใช่คนคุ้นเคย ก็จะเข้าออกค่อนข้างยาก โดยพบว่ามีบุคคลต้องสงสัยที่รู้ว่าเจ้าอาวาสเก็บเงิน และทองคำจำนวนนี้ไว้ในกุฏิประมาณ 5 คน แต่ก็ต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้ชัดเจนก่อน เบื้องต้นยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง
Advertisement