(26 มิ.ย. 2568) ที่ ห้องศรียานนท์ อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ผอ.ศปอส.ตร.) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ ร่วมกับ ผู้บริหารและผู้แทนจากภาคเอกชน แถลงข่าวเปิดตัวแคมเปญ "รีบโอนโจรยิ้ม" ภายใต้โครงการ "Thai Cyber Ranger" เพื่อรณรงค์และสร้างภูมิคุ้มกันให้ประชาชนรู้เท่าทันภัยไซเบอร์ โดยเฉพาะกลโกงจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์
โครงการ "Thai Cyber Ranger" และแคมเปญ "รีบโอนโจรยิ้ม" เกิดขึ้นจากความร่วมมือกับภาคเอกชนหลายราย ได้แก่ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน), บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), บริษัท ทรูมันนี่ จำกัด, บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน), มูลนิธิพระราหู, บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน), บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน)
โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือการเตือนสติประชาชนให้รู้เท่าทันเล่ห์กลของมิจฉาชีพ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันดิจิทัลให้สามารถใช้ชีวิตออนไลน์ได้อย่างมั่นใจ ปลอดภัย และไม่ตกเป็นเหยื่อการโอนเงินให้มิจฉาชีพ ซึ่งโครงการนี้ได้เริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 25 มิ.ย. ที่ผ่านมา
สำหรับวัตถุประสงค์สำคัญของแคมเปญนี้คือการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของประชาชนให้ระมัดระวังก่อน "คลิก" ทุกครั้ง กล้าตั้งคำถามก่อน "เชื่อ" ทุกข้อความ และใช้วิจารณญาณก่อน "โอน" ทุกบาท โดยจะเน้นการปลูกฝังจิตสำนึกให้ประชาชนตระหนักถึงภัยคุกคามทางเทคโนโลยีที่แฝงมาในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการใช้โทรศัพท์มือถือ โซเชียลมีเดีย หรือธุรกรรมทางการเงินออนไลน์
ซึ่งโครงการยังมุ่งเน้นให้ประชาชนรู้จักตั้งข้อสงสัยเมื่อได้รับการติดต่อจากบุคคลที่ไม่รู้จัก โดยเฉพาะผู้ที่แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ หน่วยงานกฎหมาย หรือสถาบันการเงิน ซึ่งมักใช้เทคนิคทางจิตวิทยา (Social Engineering) เทคโนโลยีปลอมแปลงขั้นสูง เช่น Deepfake (ปลอมเสียงหรือใบหน้าด้วย AI) และ Phishing (ส่งลิงก์ปลอมหลอกให้เปิดเผยข้อมูลส่วนตัว) โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติคาดการณ์ว่า แคมเปญนี้จะเข้าถึงประชาชนไม่น้อยกว่า 10 ล้านคนในช่วง 2 เดือนแรก และจะช่วยลดจำนวนคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่มีมูลค่าความเสียหายไม่เกิน 1 ล้านบาท (ซึ่งคิดเป็นกว่า 90% ของคดีทั้งหมด) ได้ไม่น้อยกว่า 10% ภายในสิ้นปีนี้
ทั้งนี้ แคมเปญ "รีบโอนโจรยิ้ม" จะดำเนินกิจกรรมผ่าน 2 ช่องทางหลัก คือ
1.ช่องทางออนไลน์ (Online Campaign) จะมีการเผยแพร่คลิปวิดีโอเตือนภัย, อินโฟกราฟิก และกิจกรรม Challenge บนแพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง Facebook, TikTok, Instagram, YouTube และ Threads โดยใช้ Influencer จากหลากหลายสาขามาช่วยถ่ายทอดเนื้อหาในรูปแบบสร้างสรรค์ พร้อมใช้แฮชแท็ก #รีบโอนโจรยิ้ม และสโลแกนเตือนสติ "รีบโอน = โจรยิ้ม"
2. ช่องทางออฟไลน์ (On-Ground Campaign) จะมีการติดตั้งสื่อประชาสัมพันธ์ตามจุดยุทธศาสตร์ เช่น จอ LED บนรถไฟฟ้า BTS, MRT และสื่อภายในร้าน 7-Eleven กว่า 15,000 สาขาทั่วประเทศ รวมถึงกิจกรรมภาคสนามในพื้นที่ชุมชน เช่น การจัดนิทรรศการ บรรยายความรู้ และแจกสื่อเตือนภัยไซเบอร์
นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการจัดเสวนา "รู้ทันภัยไซเบอร์" โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิและผู้บริหารจากทุกภาคส่วนร่วมเสวนา อาทิ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ, คุณตัน ภาสกรนที, รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล, คุณสถาพร คิ้วสุวรรณสุข และคุณสุกัณณี เลิศสุขวิบูลย์ โดยมีคุณประวีณมัย บ่ายคล้อย ผู้ประกาศข่าวชื่อดังเป็นผู้ดำเนินรายการ พร้อมกับการแลกเปลี่ยนประสบการณ์จริงจากผู้ที่เคยตกเป็นเหยื่อ นอกจากนี้ ยังมี Workshop จำลองสถานการณ์หลอกลวงรูปแบบต่างๆ เพื่อให้ประชาชนสามารถสังเกต "Red Flag" หรือสัญญาณอันตรายได้อย่างแม่นยำ อย่างไรก็ตาม โครงการนี้ตั้งเป้าหมายเข้าถึงประชาชนไม่น้อยกว่า 10 ล้านคน ในช่วง 2 เดือนแรก และคาดว่าจะสามารถช่วยลดคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
Advertisement