
วันที่ 21 พ.ย. 68 ดร.นพดล กรรณิกา อดีตกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ผู้ทรงคุณวุฒิภาคประชาชน 2567 เปิดเผยว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติตกเป็นเป้าการโจมตี แต่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.ยังคงยืนมั่นคงบนหลักการเดิม คือ ไม่รับผลประโยชน์ ไม่ละเว้นแม้เป็นเพื่อน และไม่ตัดสินใครตามกระแส แต่ตัดสินบนหลักฐาน กฎหมาย และความเป็นธรรมเท่านั้น
ซึ่งจุดยืนที่หนักแน่นนี้ ทำให้เห็น “ภาวะผู้นำแบบราชสีห์” ของตำรวจน้ำดี—ผู้ไม่หวั่นไหวต่อเสียงวิจารณ์ที่ว่างเปล่า ผู้ไม่เสียเวลาให้กับ “ผู้ปั่นลมปาก” ที่กำลังหนีเงาแห่งความจริงของตนเอง แต่พร้อมรับฟังข้อมูลจากผู้เปิดโปงด้วยความบริสุทธิ์ใจ เพื่อให้ความจริงเป็นตัวนำทางการตัดสินใจ
ดร.นพดล กล่าวว่า การยืนหยัดของ ผบ.ตร. ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างโดดเดี่ยว แต่ตั้งอยู่บนนโยบายด้านความมั่นคงของรัฐบาล ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล ที่ประกาศชัดเจนว่า“รัฐบาลจะทำสงครามกับแก๊งสแกมเมอร์ ทุนเทา และเครือข่ายอาชญากรรมออนไลน์ทุกรูปแบบ”
ภายใต้นโยบายนี้ ผบ.ตร. จึงออกคำสั่ง “เร่งด่วนที่สุด” ไปยังทุกกองบัญชาการ และทั้ง 1,484 สถานีตำรวจทั่วประเทศ เพื่อเดินหน้าปฏิบัติการในทิศทางเดียวกัน นับเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่รัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติเดินยุทธศาสตร์เดียวกันแบบ 100%
ย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 2565 ก่อนที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ จะเข้ามารับหน้าที่ผู้อำนวยการศูนย์ปราบมิจฉาชีพแก๊งคอลเซนเตอร์ ประเทศไทยเผชิญสถานการณ์ที่ประชาชนสูญเสียเงินจากมิจฉาชีพออนไลน์ในระดับที่ถือว่าวิกฤตและต่อเนื่องทุกวัน แต่เมื่อศูนย์ปฏิบัติการถูกขับเคลื่อนอย่างจริงจังภายใต้การกำกับของท่าน ผลลัพธ์ก็เริ่มเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน ภายในเวลาไม่นาน สถานการณ์ที่เคยสร้างความเสียหายรุนแรงแก่ประชาชนกลับถูก “ดึงลง” อย่างเป็นระบบ การทำงานแบบเชื่อมโยงทุกหน่วย ตั้งแต่การสกัดเส้นทางการเงิน การประสานงานกับธนาคาร การติดตามตัวคนร้าย ไปจนถึงการทำงานเชิงรุกบนโลกออนไลน์ ทำให้แนวโน้มความสูญเสียจากอาชญากรรมออนไลน์ค่อยๆ ลดระดับลงอย่างต่อเนื่องเห็นได้ชัดว่า สถานการณ์ที่เคยลุกลามจนถึงขั้นประชาชนจำนวนมากได้รับผลกระทบหนัก ได้ถูกควบคุมให้อยู่ในระดับที่จัดการได้ และส่งผลให้คนไทยจำนวนมากปลอดภัยขึ้นอย่างแท้จริง นี่คือหลักฐานว่า “นโยบายที่ทำจริง” สามารถเปลี่ยนแปลงปัญหาใหญ่ระดับประเทศได้ ไม่ใช่ด้วยคำประกาศ แต่ด้วยระบบงาน ความทุ่มเท และภาวะผู้นำเชิงยุทธศาสตร์อย่างแท้จริง
อดีต กตช. กล่าวอีกว่า นโยบายของรัฐบาลและของ ผบ.ตร. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ไม่ได้หยุดแค่คำสั่ง แต่ลงไปเกิดผลจริงในพื้นที่ ตัวอย่างชัดเจนคือ สถานีตำรวจนครบาลเพชรเกษม บก.น.9 ที่สามารถ
• จับทุนจีนเทา–ทุนไทยเทา มูลค่าเงินหมุนเวียนกว่า 1,000 ล้านบาท
• และ คืนเงินให้เหยื่อได้หลายรายภายใน 2 เดือน
ทำให้ ตำรวจฮ่องกงบินตรงมาดูงานที่ สน.เพชรเกษม เพื่อศึกษารูปแบบการปฏิบัติการ ถือเป็นสัญญาณว่าประเทศไทยกำลังก้าวสู่การเป็นต้นแบบการปราบอาชญากรรมออนไลน์แห่งเอเชีย ซึ่งผลงานนี้ไม่เพียงเป็นความสำเร็จของตำรวจไทยเพียงสถานีเดียว แต่ยังมีผลงานปรากฏเป็นรูปธรรมในอีกหลายสถานีทั่วประเทศของทุกกองบัญชาการ
นอกจากนี้ยังมีผลงานระดับยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนทั้งระบบพร้อมกันครั้งใหญ่ที่สุดในยุคดิจิทัลเมื่อรัฐบาลประกาศสงคราม ตำรวจทั้งประเทศปรับตัวเข้าสู่โหมดรบพร้อมกัน
• หน่วยสืบสวน
• หน่วยเทคโนโลยี
• กองบัญชาการ
• สถานีตำรวจระดับพื้นที่
ทุกภาคส่วนถูกบูรณาการเชื่อมต่อเป็นเครือข่ายเดียวกัน นี่คือการ “เคลื่อนพลระดับชาติ” ครั้งจริงจังที่สุดในสงครามอาชญากรรมยุคดิจิทัล
Advertisement