Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
อัยการดาว ร้อง18ข้อ ผบ.ตร. สอบตร.ไซเบอร์ส่อช่วยกลุ่มรับเงินโรแมนซ์สแกม

อัยการดาว ร้อง18ข้อ ผบ.ตร. สอบตร.ไซเบอร์ส่อช่วยกลุ่มรับเงินโรแมนซ์สแกม

26 มิ.ย. 68
14:45 น.
แชร์

อัยการดาว ร้อง 18 ประเด็นให้ ผบ.ตร. ตรวจสอบ ตร.ไซเบอร์ ส่อช่วย กลุ่มรับเงินโรแมนซ์สแกมหลอกเเม่ตัวเอง ลั่น อย่าทำอาชญากรรมเฟื่องฟูบนความทุกข์ ประชาชน

(26 มิ.ย. 2568) น.ส.สุภาภรณ์ นิปวณิชย์ อัยการผู้เชี่ยวชาญสำนักงานคดียาเสพติด หรือ "อัยการดาว" อัยการมือทำคดีเเตงโม ดาราสาวชื่อดังตกเรือเสียชีวิต เมื่อครั้งนั่งตำเเหน่งอัยการจังหวัดนนทบุรี ได้รับมอบอำนาจจากมารดา ผู้เสียหาย ในคดีโรแมนซ์สแกมถูกหลอกเงิน 7.6 เเสนบาทได้ยื่นหนังสือ ถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขอความเป็นธรรมให้ตรวจสอบว่าพนักงานสอบสวน บช.สอท. ทำสำนวนการสอบสวนส่อไปในทางช่วยเหลือกลุ่มที่รับเอาเงินหรือประโยชน์ที่ได้จากมิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือไม่ เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. ที่ผ่านมา

โดยเนื้อหาระบุว่า นางบุญครอง ผู้เสียหาย กล่าวโทษร้องทุกข์ ให้ดำเนินคดีกับกลุ่มคนร้ายที่กระทำความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน อันเป็นความผิดอาญาที่เป็นมูลฐาน ตาม พรบ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินฯ ซึ่งผู้เสียหาย ได้โอนเงินให้กลุ่มมิจฉาชีพ และได้มีการแจ้งความดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดตั้งแต่ต้นเดือน พ.ค. แล้วซึ่งปรากฎว่าพวกมิจฉาชีพได้โอนเงินของผู้เสียหายไปยังกลุ่มบุคคลอื่นแล้ว  

แต่จนบัดนี้เป็นเวลาเดือนกว่าแล้ว ยังไม่ปรากฏว่า พนักงานสอบสวน บช.สอท. ได้ดำเนินคดีกับบุคคลที่รับโอนเงินจากมิจฉาชีพดังกล่าว และเป็นการไม่แน่ว่า พนักงานสอบสวนจะดำเนินคดีกับผู้รับผลประโยชน์หรือไม่ ซึ่งหากปล่อยให้เวลาเนิ่นช้าไป จะทำให้พยานหลักฐานบางส่วนเสียหาย อาจได้ประโยชน์กับกลุ่มผู้กระทำความผิด เพราะความล่าช้าอาจกระทบเสียหายต่อพยานหลักฐาน จึงขอท่านโปรดตรวจสอบให้ความเป็นธรรมเกี่ยวกับการสอบสวนดำเนินคดีอาญาว่ามีกรณีบกพร่อง ละเลยในการแสวงหาพยานหลักฐานที่เป็นประเด็นสำคัญแห่งคดีหรือไม่ โดยมีข้อร้องขอความเป็นธรรมเพื่อให้ตรวจสอบดังนี้

1. ให้ตรวจสอบว่า มีกลุ่มผู้รับของโจร โดยรับเอาเงิน หรือรับไว้ด้วยประการใดๆ ที่ได้มาจากการกระทำความผิดฉ้อโกงประชาชนจากผู้เสียหายหรือไม่

2. ให้ตรวจสอบว่า มีผู้โอน รับโอน หรือเปลี่ยนสภาพทรัพย์สิน ที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดเพื่อซุกซ่อนปกปิดแห่งที่มาของเงิน กระทำด้วยประการใดๆ เพื่อปกปิดหรืออำพราง การจำหน่าย โอน ซึ่งทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิด หรือใช้ทรัพย์สินนั้นในการกระทำความผิด หรือไม่

3. หากปรากฏว่ามีผู้รับเอาเงินจากมิจฉาชีพ ตามข้อ 1-2 ให้ตรวจสอบว่า กลุ่มที่รับโอนเป็นบุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคล หรือเป็นทั้งสองสถานะ และขณะนี้พนักงานสอบสวนได้ดำเนินคดีกับบุคคลตามข้อ 1-2 หรือไม่ มีการอายัดเงินในบัญชีของบุคคลเหล่านั้นหรือไม่ และการอายัดยังคงดำเนินอยู่ต่อเนื่องไหม

4. หากมีผู้รับเอาเงินจากการกระทำความผิด แต่จนบัดนี้ พนักงานสอบสวนยังไม่ดำเนินคดีใดๆ กับบุคคลตาม ข้อ 1-2 พนักงานสอบสวนได้มีพฤติการณ์เรียกกลุ่มดังกล่าวมาสอบ แต่สอบกลุ่มรับเงินจากมิจฉาชีพดังกล่าวไว้ในฐานะเป็นพยาน แทนที่จะดำเนินคดี ให้ตรวจสอบว่า มีการสอบบุคคลที่รับเงินจากกลุ่มมิจฉาชีพ ในฐานะเป็นพยานในคดีนี้ จำนวนหลายคนที่มากกว่าหนึ่งคนหรือไม่

5. การใช้ดุลพินิจให้ผู้ที่รับเงินจากผู้กระทำความผิดดังกล่าวเป็นพยาน มีระเบียบหรือกฎหมายให้ดุลพินิจแก่พนักงานสอบสวน บช.สอท. หรือไม่ และหากไม่มีระเบียบหรือกฎหมายให้อำนาจ พนักงานสอบสวน บช.สอท. ใช้ดุลพินิจลักษณะนี้แก่ผู้รับเงินจากผู้กระทำความผิดเป็นนโยบายตามแนวทางของสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือไม่

6. หากมีการอายัดเงินของผู้ที่รับเงินจากผู้กระทำความผิด พนักงานสอบสวน ได้ส่งเลขบัญชีและ เส้นเงินของบุคคลเหล่านั้นไปตรวจสอบยัง ปปง. ตามหนังสือที่อ้างถึง ข้อ 2 หรือไม่ มีการแจ้งหมายเลขบัญชีธนาคาร ของบุคคลหรือ นิติบุคคลที่รับเส้นเงินดังกล่าวที่เกี่ยวข้อง ไปยัง ปปง.ครบถ้วนตามที่ปรากฎในสำนวนการสอบสวนตามที่ได้เคยร้องขอ หรือไม่ และ ปปง. ได้รับเอกสารครบถ้วนในวันที่เท่าใด

7. ให้ตรวจสอบว่า กลุ่มที่รับเงินจากผู้กระทำความผิด มีนิติบุคคล ที่ทำการซื้อขายสินค้าเพื่อการเกษตร หรือเป็นบริษัท ซื้อขายปุ๋ย หรือไม่ เพราะบริษัท ซื้อขายปุ๋ย เป็นบริษัท ที่ได้รับการยกเว้นแบบยื่นภาษีมูลค่าเพิ่ม แม้ว่ารายได้จะเกิน 1.8 ล้านต่อปี ทำให้ยากต่อการตรวจสอบการซื้อขาย ของสรรพากร เป็นการเอื้อให้เงินกระทำความผิดหลั่งไหลมาในระบบของบริษัทขายสินค้าเพื่อการเกษตร และพนักงานสอบสวนได้สอบสรรพากร เกี่ยวกับข้อยกเว้นดังกล่าวหรือไม่ และ การวิเคราะห์รายรับ-จ่าย ต้นทุนซื้อขาย สอดรับกับบัญชีสินค้าคงเหลือหรือไม่อย่างไร  

8. พนักงานสอบสวนได้สอบสวน บัญชีงบดุล-รายรับจ่าย ของบริษัท ที่รับโอนเงิน ย้อนหลัง 5 ปี หรือนับแต่วันจดทะเบียน จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และสอบผู้ตรวจสอบบัญชี ตรวจสอบต้นทุน ซื้อ-ขาย ได้เรียกสอบขอเอกสารการซื้อขายของบริษัท กับคู่สัญญา ย้อนหลัง 5 ปีเพื่อให้ได้พฤติการณ์ที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจนหรือไม่ มีการสอบสวนเกี่ยวกับสต๊อคสินค้า การนำเข้า - ส่งออก ที่เกี่ยวข้องหรือไม่อย่างไร

9. พนักงานสอบสวนได้ตรวจสอบเงินหมุนเวียนในบัญชีของบุคคลและนิติบุคคลที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะหากนิติบุคคลมีการจัดตั้งในช่วงโควิด แต่มีเงินหมุนเวียนหลายร้อยล้านบาท ให้ตรวจสอบว่า รายรับหลายร้อยล้าน สอดรับกับการประเมินเสียภาษีหรือไม่ เป็นลักษณะการทำธุรกิจอำพราง รายได้เยอะแต่มีการประเมินตนเองให้เสียภาษีเล็กน้อย ย้อนแย้งกับงบการเงิน และการประกอบธุรกิจทั่วไปหรือไม่ พนักงานสอบสวนได้ตรวจสอบเงินลงทุนจดทะเบียนทุกบริษัทที่เกี่ยวข้อง ถึงแหล่งที่มาของเงินทุน หรือไม่ และได้ตรวจสอบแหล่งที่มาของธุรกรรมทางการเงินของบุคคลหรือนิติบุคคลที่เกี่ยวข้องหรือไม่

10. หากพนักงานสอบสวน สอบผู้รับเงินที่ได้จากการกระทำผิดไว้ในฐานะพยานเพราะเชื่อคำให้การที่อ้างให้ตัวเองพ้นผิด แล้วพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการตรวจสอบว่าการรับเงินจากมิจฉาชีพ เป็นการทำธุรกรรมที่มีกฎหมายยกเว้นความรับผิด เช่น โรงรับจำนำหรือไม่ เป็นการทำธุรกรรมที่ต้องจดทะเบียนและขออนุญาตถูกต้องต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือไม่ ได้ตรวจสอบรายได้ การเสียภาษี ในห้วง 5 ปีย้อนหลัง ประกอบสำนวนทุกคนที่เกี่ยวข้องหรือไม่ พนักงานสอบสวนมีพฤติกรรมในการสอบตัดๆ หมายถึงสอบพยานเพื่อตัดตอนผู้กระทำผิดหรือไม่

11. พนักงานสอบสวนได้ตรวจสอบพิสูจน์ เกี่ยวกับเบอร์โทรศัพท์ ที่ปรากฏในคำขอเปิดบัญชี ว่า ได้ใช้เบอร์ดังกล่าว สอดรับกับที่ปรากฏในข้อมูลทะเบียนของกระทรวงมหาดไทย หรือใช้ในระบบเติมเงิน หรือในระบบต่างๆ ได้ ทำการหว่านเบอร์ หรือบัญชีธนาคารอื่น เพื่อให้แนวทาการสอบสวนชัดเจนหรือไม่ และได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด ในการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วน หรือไม่

12. ให้ตรวจสอบว่า มิจฉาชีพได้โอนเงินที่ได้จากผู้เสียหายไปยังนอกราชอาณาจักรประเทศกัมพูชาหรือไม่ ถ้าหากมี พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วนเรียบร้อยตามกฎหมายเพื่อให้การสอบสวนชอบด้วยกฎหมาย ไม่เป็นเหตุให้มีการยกฟ้องในชั้นศาลเพราะบกพร่องจากอำนาจฟ้องคดีทำให้เกิดความเสียหายในทางคดีและต่อผู้เสียหาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และแก่ทางราชการ ซึ่งพนักงานสอบสวนได้จัดส่งข้อมูลพยานหลักฐานต่างๆตามแนวทางคดีนอกราชให้เรียบร้อยหรือไม่

13. ให้ตรวจสอบว่า การตั้งข้อหาของพนักงานสอบสวน เป็นการตั้งข้อหาครบถ้วนตามพฤติการณ์ หรือขัดแย้งกันหรือไม่อย่างไร  หากพฤติการณ์เป็นการร่วมกระทำผิดได้เงินบางส่วนของผู้เสียหายไปเป็นส่วนตัว อันเป็นการร่วมกันฉ้อโกง แต่กลับตั้งข้อหา เปิดบัญชีเงินฝากให้ผู้อื่นฯ (บัญชีม้า) ซึ่งอาจทำให้ศาลมีคำพิพากษาจากการตั้งข้อหาดังกล่าวได้ ตามที่ปรากฏคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ที่แนบท้ายมาประกอบพร้อมหนังสือฉบับนี้

14. ให้ตรวจสอบว่า บริษัทที่ได้รับเงินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ทุกบริษัทที่กล่าวอ้าง หรือยกขึ้นอ้าง หากมีทุนหลักหลายสิบล้าน หรือร้อยล้าน  มีแหล่งที่มาของเงินลงทุนจากที่ใด เป็นการกล่าวอ้างลอยๆ หรือมีเอกสารที่ง่ายต่อการจัดทำกันขึ้นเองหรือไม่ ผู้ตรวจสอบบัญชีของบริษัท มีประวัติเคยถูกถอนใบอนุญาตหรือไม่

15. หากผู้เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด มีการกล่าวอ้างผลิตภัณฑ์สินค้า ที่นำเข้าหรือส่งออกนอกราชอาณาจักร หรือเกี่ยวข้องกับเงินสดที่เบิกถอน ได้ทำการตรวจสอบกับศุลกากรที่เกี่ยวข้อง ว่ามีการขออนุญาต นำสินค้า นำเงินเข้า-ออก ผ่านแดน มีการสำแดงรายการตามกฎหมาย และมีการขอหลักฐานจากบริษัทขนส่ง การขออนุญาต ทางพิธีการในการขนส่งสินค้าผ่านแดน หรือไม่อย่างไร

16. หากผู้เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดได้รับเงินจากการกระทำความผิด แต่ยกเหตุให้ตัวเองพ้นผิด เพราะทำธุรกรรมนอกระบบ ที่มิใช่วิสัยของผู้ทำการค้า แต่เป็นที่นิยมของกลุ่มอาชญกร เพื่อปกปิดซ้อนเร้น แหล่งที่มาของเงิน และให้ยากแก่การตรวจสอบ อันมิใช่วิสัยตามทางการค้าตามปกติของวิญญูชนทั่วไป พนักงานสอบสวนได้ตรวจสอบการขออนุญาต แหล่งที่มาของรายได้ การยื่นภาษีตามแบบที่กฎหมายกำหนด รวมทั้งพยานหลักฐานอื่นที่เป็นกลางในการวิเคราะห์ พิสูจน์เส้นทางอาชญากรรมหรือไม่

17. ให้ตรวจสอบว่า หากพนักงานสอบสวนได้สอบผู้รับเงินจากการกระทำผิดไว้ในฐานะพยาน ได้มีการสอบไว้ตั้งแต่เมื่อใดและช่วงเวลาที่ผ่านมานานนับเดือน พนักงานสอบสวนได้ทอดเวลาโดยยังมิได้ดำเนินการแสวงหาพยานหลักฐาน อันเป็นประเด็นสำคัญในคดีนี้จากบุคคล หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือไม่ หรือเพียงแต่รับเอาเอกสารของฝ่ายที่รับเงินแต่อ้างเหตุต่างๆให้ตนเองพ้นผิด แต่พนักงานสอบสวนยังมิได้แสวงหาพยานหลักฐานอันสำคัญตามมาตราฐานที่ควรรู้ของหน่วยงานพิเศษที่มีความรู้ความชำนาญดังที่มีข่าวประชาสัมพันธ์ต่อสื่อและประชาชนทั่วไป หากมีการเนิ่นช้า ปล่อยเวลาทอดไป ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นได้ตรวจสอบ กวดขัน เพื่อให้การปฏิบัติราชการเป็นไปโดยครบถ้วนถูกต้องหรือไม่

18. ขอให้ความเป็นธรรม ในการสอดส่อง กำชับการส่งสำนวนเพื่อให้พนักงานอัยการได้พิจารณาสำนวนก่อนเวลาฝากขังพอสมควร เพื่อมิให้เกิดการกล่าวพาดพิงกรณีมีการส่ง-คืนสำนวนว่า พนักงานอัยการทำการสอบเพิ่มหลายประเด็น ทำให้ส่งสำนวนไม่ทัน เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมเป็นไปโดยรอบคอบ ครบถ้วน

โดยท้ายหนังสือร้องยังระบุว่า ท่านซึ่งผู้บังคับบัญชาสูงสุดของ ตร. มีอำนาจหน้าที่ในการต้องควบคุมตรวจสอบ การทำงานของผู้ใต้บังคับบัญชาในสังกัด จึงขอได้ควบคุมตรวจสอบพยานหลักฐานตามข้อร้องขอความเป็นธรรม แก่พยานหลักฐานให้แน่นหนา รวดเร็ว เพื่อมิให้มีช่องว่าง ดำเนินการให้พยานหลักฐานครบถ้วนสมบูรณ์ เพื่อให้ศาลลงโทษผู้กระทำผิดได้อย่างปราศจากข้อสงสัย และป้องกันมิให้อ้างเหตุว่า ดำเนินคดีไปศาลก็ยกฟ้อง ทำให้อาชญากรรมเฟื่องฟูบนความทุกข์ยากของประชาชน ทำให้ประเทศชาติต้องเสียงบประมาณในการปราบปรามอาชญากรรม เศรษฐกิจเสียหาย กระทบต่อการพัฒนาประเทศชาติ เกิดเงินทุนหมุนเวียนในกลุ่มอาชญากรรม ประชาชนต้องได้รับความเดือนร้อน หวาดระแวง สูญเสียทรัพย์สิน และชีวิต ต้องเสียน้ำตา เสียหาย เสียชื่อเสียง

ทั้งนี้ บช.สอท เป็นหน่วยงานเฉพาะชำนัญพิเศษในการทำคดีอาชญากรรมออนไลน์ อยู่ในสังกัดของท่าน ด้วยเป็นหน่วยงานเฉพาะ ทำให้ผู้เสียหายเชื่อมั่นและมาร้องทุกข์ดำเนินคดีที่นี่ แทนที่จะไปภูธร หรือนครบาล แต่การทำงานกว่าหนึ่งเดือนของ บช.สอท ทำให้เกิดข้อสงสัยในการทำงานของพนักงานสอบสวน ว่าผ่านมาจนปลายเดือนมิถุนายนแล้ว แต่มีเพียงบุคคล 2 คนที่พนักงานสอบสวนดำเนินคดีจากข้อมูลที่ผู้เสียหายให้การและส่งพยานหลักฐานให้ไว้

แต่นอกจากนี้ เวลาได้ผ่านมานานพอสมควรแล้ว ซึ่งพยานหลักฐานบางอย่างเช่น กล้องวงจรปิด มีระยะเวลาเก็บข้อมูล จึงอาจเกิดการเสียหาย หรือกระทบต่อพยานหลักฐาน จึงขอท่านตรวจสอบการทำงานของพนักงานสอบสวนให้รวดเร็ว เพื่อความเป็นธรรม และให้ได้ซึ่งตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ หาใช่ผู้เสียหายประสงค์แต่จะเอาเงินที่เสียไปเพราะการถูกหลอกลวง โดยไม่คำนึงว่าเงินนั้นจะได้คืนจากแหล่งที่มาที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด เอื้อให้เกิดการติดต่อขอคืนเงินจากบุคคลที่เกี่ยวข้องแล้วจบ เพราะอาจทำให้เกิดการตัดตอนแก่ผู้กระทำความผิด เป็นการเปิดโอกาสให้มีการกระทำความผิดแก่ประชาชนเรื่อยไป

นอกจากนี้ การใช้ดุลพินิจของพนักงานสอบสวน ต้องเป็นไปด้วยความเป็นธรรมและเป็นกลางเท่าเทียมกัน ไม่เลือกฐานะ ชนชั้น ต้องไม่ทำให้ผู้เสียหายมีความสงสัยในการเอื้อประโยชน์ให้แก่กลุ่มอาชญากรรม ต้องเหมาะสมกับสถานการณ์และชอบด้วยเหตุและผล เพราะหากมีการใช้ดุลพินิจสอบเป็นพยาน แทนที่จะดำเนินคดีกับผู้มีส่วนในการรับเงินจากผู้กระทำความผิดหรือกลุ่มรับผลประโยชน์ โดยไม่มีกฎหมายให้อำนาจรองรับดุลพินิจว่าเป็นไปตามขั้นตอนโดยชอบ มีการดำเนินคดีเอาเฉพาะกับผู้ต้องหารายย่อย ประเภทปลาซิวปลาสร้อย แต่เพิกเฉยกับกลุ่มรับผลประโยชน์ อาจเป็นช่องให้เกิดการเอื้อประโยชน์ให้เงินที่ได้จากการกระทำผิดเข้าสู่ระบบ ทำให้อาชญากรก้าวล้ำนำหน้าเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีความฮึกเหิมลำพอง ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมืองและไม่สามารถดำเนินการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีได้อย่างแท้จริง

Advertisement

แชร์
อัยการดาว ร้อง18ข้อ ผบ.ตร. สอบตร.ไซเบอร์ส่อช่วยกลุ่มรับเงินโรแมนซ์สแกม