อดีตพระพรหมเมธี ชิ่งหนีสื่อฯ ออกจากกองปราบฯ หลังให้ปากคำตำรวจนาน 6 ชั่วโมงสู้คดีเงินทอนวัดช่วงปี 2561
หลังจากที่มีรายงานว่าอดีตพระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ ผู้ต้องหาคดีเงินทอนวัดเมื่อปี 2561 เดินทางเข้ามอบตัวต่อตำรวจสอบสวนกลาง ตั้งแต่ช่วงเช้าทันทีที่เดินทางจากประเทศเยอรมันนีถึงประเทศไทย โดยมีรายงานว่าทันทีที่ถึงกองบังคับการปราบปรามได้ขึ้นไปให้ปากคำและรับทราบข้อกล่าวหา โดยใช้เวลาในการให้ปากคำกับตำรวจนาน 6 ชั่วโมง
จากนั้นเวลาประมาณ 12:00 น. พระสงฆ์ 1 รูป ที่มีภาพปรากฏว่าอยู่ในคณะที่เดินทางมาจากประเทศเยอรมนีพร้อมกับคณะอดีตพระพรหมเมธีได้ลงมาจากตึก บช.ก. (พิทักษ์สันติ) โดยใช้ลิฟท์ด้านหลัง บริเวณลานจอดรถชั้นใต้ดินขึ้นรถตู้กลับออกไป โดยเจ้าตำรวจที่ลงด้วยให้ข้อมูลว่าพระสงฆ์รูปนี้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในคดี เพียงแต่อยู่ในคณะที่เดินทางมาจากประเทศเยอรมนี และจะเดินทางกลับวัดเท่านั้น
ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 14:30 น. อดีตพระพรหมเมธีเดินทางลงจากตึกพิทักษ์สันติ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยมีคณะลูกศิษย์ได้จอดรถตู้รอรับอยู่บริเวณลิฟท์ของที่จอดรถชั้นใต้ดิน โดยใช้ลิฟต์อีกฝั่งของลานจอดรถ ที่อยู่ตรงข้าม กับลิฟท์ของผู้บัญชาการ
โดยมีรายงานจากผู้สื่อข่าวที่ปักหลักอยู่ที่บริเวณ โดยรอบตึกกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางว่าลักษณะของคณะลูกศิษย์และผู้ติดตาม รีบพาอดีตพระพรหมเมธีขึ้นรถตู้ออกไปทันที ก่อนขับออกไปจากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางทันที สำหรับตึกสันติพิทักษ์ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางมีทางเข้าออกได้ทั้งหมดประมาณ 4 ทาง โดยสื่อมวลชนกระจายปักหลักรออยู่บริเวณโดยรอบตึกตั้งแต่ช่วงเช้าเพื่อที่จะสอบถามอดีตพระพรหมเมธีถึงการตัดสินใจเข้าพบตำรวจหลังขอลี้ภัยไปประเทศเยอรมนีนานกว่า 7 ปี
เบื้องต้นมีรายงานข่าวจากแหล่งข่าว ระบุว่า อดีตพระพรหมเมธีใช้หลักทรัพย์เป็นเงินสด 400,000 บาท ยื่นประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน โดยไม่มีการกำหนดเงื่อนไขใด ๆ
ทั้งนี้ อดีตพระพรหมเมธีขอทำคำให้การเป็นเอกสารลายลักษณ์อักษรส่งมายังพนักงานสอบสวนในภายหลัง พร้อมรับปากกับพนักงานสอบสวนว่า จะรีบยื่นคำให้การให้เร็วที่สุด เพื่อจะได้เข้าสู่กระบวนการต่อสู้คดีตามกฎหมาย แต่ยังไม่กำหนดวันยื่นคำให้การอย่างแน่ชัด
Advertisement