ผู้ข่าวรายงานจากจ.กระบี่ เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.68 คลิปวิดีโอที่มีการโพสต์ไว้โดยผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ“ThawichaiSutmee"เป็นเหตุการณ์นาทีที่เรือสปีดโบ๊ตลำหนึ่ง บรรทุกนักท่องเที่ยวมาเต็มลำ กำลังขับไปด้วยความเร็ว ก่อนที่จะเกิดเหตุชนเข้ากับเรือหางยาวอีกลำ โดยจะเห็นว่า เรือมีอาการสั่นจากแรงกระแทก ก่อนจะหยุดวิ่งและนักท่องเที่ยวในเรือพากันตกใจ เจ้าของโพสต์ ระบุข้อความไว้ว่า “มุมกล้องในเรือสปีดโบ๊ตลำที่ชนกับเรือหางยาวกัปตันนั่งขับสภาพหลับๆตื่นๆคุณไม่ได้คำนึงถึงความปลอดภัยอะไรเลยแล้วทะเลมันกว้าง ระยะการมองเห็นสิ่งต่างๆเกิน 500 เมตรแล้วคุณอย่าอ้างว่าไม่เห็นเรือหาง ลำตั้งใหญ่ขอความร่วมมือช่วยเหลือกันเพื่อความถูกต้องควรคำนึงถึงเพื่อนร่วมทำงานในทะเล และความปลอดภัยของลูกค้า”
เมื่อสอบถามไปยังเจ้าของโพสต์ก็ทราบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงก่อนเที่ยงวันที่ 30 พ.ค.68 ที่ผ่านมาบริเวณหัวแหลมเกาะพีพีเลแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังโดยเรือสปีดโบ๊ตลำดังกล่าว ขับชนกับเรือหางยาวนำเที่ยวชื่อ“นัทมีนา”ของนายหมาด รักษ์อารี อายุ 62 ปี เป็นเหตุให้เรือของนายหมาดพลิกคว่ำจมทะเลเสียหาย
ผู้สื่อข่าวติดต่อไปที่นายเทเวศน์ คงตุก อายุ 45 ปี ลูกชายนายหมาดเจ้าของเรือหางยาวที่ถูกชนให้ข้อมูลว่า ขณะที่พ่อขับเรือหางยาวไปรับนักท่องเที่ยวจีน 2 คนเพื่อพาเข้าไปเที่ยวบริเวณถ้ำไวกิ้ง ที่เกาะพีพีเล ปรากฏว่าเรือสปีดโบ๊ตลำดังกล่าว ขับมาด้วยความเร็ว ก่อนจะพุ่งชนเข้าที่กลางลำเรือของพ่อทำให้เรือพลิกคว่ำนักท่องเที่ยวในเรือ และพ่อพลัดตกลงไปในทะเล โชคดีที่นักท่องเที่ยวไม่ได้รับอันตรายมาก แต่ตัวพ่อบาดเจ็บกระดูกไหปลาร้าหัก และเรือได้รับความเสียหาย ซึ่งจนถึงตอนนี้ทางฝั่งของคู่กรณียังไม่ติดต่อพูดคุย แต่ยังมาอ้างว่าฝ่ายพ่อของตนเป็นฝ่ายผิดด้วยทั้งๆที่พ่อของตนขับเรืออยู่ตามปกติ ซึ่งคนขับเรือสปีดโบ๊ตควรจะมองเห็นวิสัยทัศน์ด้านหน้า เพราะสภาพของทะเลไม่ใช่ถนนที่จะมีอะไรมาบังเส้นทางไม่ให้มองเห็นได้ จึงอยากฝากเรื่องนี้ให้เจ้าหน้าที่ช่วยเร่งดำเนินการให้ด้วยการที่เรื่องถูกปล่อยทิ้งไว้ตนเกรงว่าพ่อจะไม่ได้รับความยุติธรรม
เบื้องต้นผู้สื่อข่าวตรวจสอบข้อมูลไปยังตำรวจสภ.เกาะพีพี ทราบว่าเรือสปีดโบ๊ตลำเกิดเหตุเป็นเรือที่รับนักท่องเที่ยวมาจากพื้นที่จ.ภูเก็ต กำลังนำนักท่องเที่ยวมุ่งหน้าเข้ามาเที่ยวที่เกาะพีพีเล แล้วมาเกิดอุบัติเหตุดังกล่าวซึ่งตำรวจยังไม่ยืนยันว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายผิด เตรียมประสานกับทางเจ้าท่ากระบี่เพื่อเชิญทั้ง 2 ฝ่ายมาสอบถามข้อเท็จจริงอีกครั้ง.
Advertisement