พ.ต.อ.กฤษ ก้อมน้อย ผกก.สส.บก.น.3 สั่งการให้ พ.ต.ท.จำนงค์ ประสพสุขมั่งดี รอง ผกก.สส.บก.น.3, พ.ต.ท.สุริยา กุญแจกล สว.กก.สส.บก.น.3 พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนนครบาล 3 เข้าไปตรวจค้น สำนักสงฆ์แห่งหนึ่ง ย่านคลองแสนแสบ มีนบุรี
สืบเนื่องจากชาวบ้านในย่านบึงขวาง ทนไม่ไหวเห็นพระในสำนักสงฆ์ ซึ่งมีพระอยู่ประมาณ 7 - 8 รูป แต่ไม่เคยเห็นมีกิจนิมนต์ ไม่เคยมีญาติโยม เข้าไปทำบุญมาร่วม 2 ปีแล้ว เห็นมีแต่ลูกศิษย์วัยรุ่นคล้ายคนติดยาเข้าออก
ส่วนพระมีกิจ ที่ชาวบ้านเรียกว่า "บิณฑ์" อย่างเดียว คือ ทำหน้าที่ออกบิณฑบาตอย่างเดียว ตั้งแต่ตี 5 พระจะขับรถเก๋งส่วนตัวออก "บิณฑ์" เดี่ยว ส่วนที่ไม่มีรถส่วนตัวจะไปกระบะกับซาเล้งของสำนักสงฆ์ กลับเข้ามาอีกทีประมาณ 9 โมงเช้า แล้วก็หายเข้ากุฎิของใครของมัน ไม่ออกมาอีกเลย
จึงได้มอบหมายให้ ร.ต.ต.อนุพงษ์ ปัตถาวโร รอง สว.สืบสวน บน.น.3 แฝงตัวเข้าไปทำทีว่าถูกไล่ออก ถูกโกงค่าแรง เพื่อขอไปเป็นเด็กวัด ทำงานรับใช้ในสำนักสงฆ์ แลกข้าวและแกงถุงกินประทังชีวิต โดยทาง หลวงปู่ เจ้าสำนักสงฆ์ ซึ่งอาพาตป่วยเป็นอัมพฤกษ์ ต้องนั่งรถเข็นตลอด เสนอว่าจ้างให้เป็นคนขับรถซาเล้ง เพื่อพาออกไปบิณฑบาตตอนเช้าวันละ 100 บาท จนทราบและเห็นพฤติการณ์ทั้งหมดในสำนักสงฆ์ดังกล่าว
ในสำนักสงฆ์แห่งนี้ มีพระสัญชาติกัมพูชาอยู่ 4 รูป ส่วนพระไทยติดยาอยู่หลายรูป ไม่รับกิจนิมนต์ ออก "บิณฑ์" อย่างเดียว ตามที่ชาวบ้านว่า เมื่อออกติดตามไปดูพระกัมพูชาที่ไปบิณฑบาต เน้นไปที่ตลาดแหล่งชุมชนอย่างเดียว เวลาญาติโยมใส่บาตรให้ศีลให้พร ท่องส่งไปแบบมั่วๆ จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ พล.ต.ต.เกียรติกุล สนธิเณร ผบก.น.3 สั่งการวางแผนเข้าไปทำการจับกุม
โดยทางสืบนครบาล 3 ได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญามีนบุรี ก่อนนำกำลังเข้าไปทำการตรวจค้น ถึงสำนักสงฆ์ เหมือนร้างไม่มีใครอยู่ พบเพียงรถเก๋งจอดอยู่ 3 คัน จึงได้ออกไปเคาะตามห้องพักต่างๆ พบพระจำวัดอยู่ภายในห้อง จึงนิมนต์ออกมาขอทำการตรวจสอบ พบพระในสำนักสงฆ์ เป็นพระไทย 3 รูป มีใบสุทธิเรียบร้อย
ส่วนพระกัมพูชาจำวัดอยู่ 2 รูป ตรวจสอบแล้วไม่มีใบสุทธิของสงฆ์ ส่วนหนังสือเดินทางไม่มีการประทับตราเข้า-ออก ในประเทศไทย ทางหลวงปู่ เจ้าสำนักสงฆ์ แจ้งว่าปกติมีพระกัมพูชาจำวัดอยู่ 4 รูป เมื่อเช้าออกไปบิณฑบาตยังไม่กลับ ได้แจ้งเข้ามาว่าถูกตำรวจจับกุมตัวขณะบิณฑบาต ที่ สน.ลาดกระบัง
และพบ พระโอ อายุ 50 ปี บวชมา 13 พรรษา อยู่ในกุฏิ ตรวจค้นพบ ยาไอซ์ 4 ถุง หนักประมาณ 3 กรัม ยาบ้า 12 เม็ด พร้อมอุปกรณ์การเสพยาอีก 3 รายการ จึงเชิญตัวมาสอบสวน
ต่อมาทาง พระครูอุดมจารุวรรณ หรือ หลวงพ่อคำไล้ เจ้าอาวาสวัดบำเพ็ญเหนือ เจ้าคณะเขตมีนบุรี และ พระครูถาวรธรรมานุสิฐ เจ้าอาวาสวัดบางเพ็งใต้ เจ้าคณะแขวงมีนบุรี พระผู้ปกครองในพื้นที่ และ พระวินยาธิการ ได้มาร่วมทำการสอบสวน และจัดทำพิธีการลาสิกขาบทให้เรียบร้อย ก่อนที่จะให้นำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมาย
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้จับกุมตัว นายปรัชญา (สงวนนามสกุล) หรือ พระโอ ในข้อหามียาไอซ์และยาบ้าไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และเสพยาเสพติดฯ พร้อมจับกุมตัว นายสาน หรือ พระสาน สัญชาติกัมพูชา และ นายกิต หรือ พระกิต สัญชาติกัมพูชา ในข้อหาเป็นคนต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ และ แต่งกายเป็นพระภิกขุในพุทธศาสนา โดยผิดกฎหมาย
Advertisement