เมื่อเวลา 18.10 น. (25 พ.ค. 2568) ที่ วัดนวลจันทร์ ศาลา 3 เเขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กทม. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. เปิดเผยภายหลังร่วมเป็นประธานในพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ 2 ผู้วายชนม์ ร.ต.อ.ทรงพล บุญชัย (ตำแหน่งนักบิน สบ 1) อายุ 34 ปี และ ร.ต.ท.ทินกฤต สุวรรณน้อย (ตำแหน่งช่างอากาศยาน สบ 1) อายุ 55 ปี ว่า ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ท่าน ซึ่งนับว่าเป็นความสูญเสียที่เกิดขึ้นมาแล้วเรามีความเสียใจเป็นอย่างยิ่ง รวมถึงเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างถึงที่สุดที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ รับทั้ง 3 ผู้วายชนม์ไว้ในพระราชานุเคราะห์ รวมถึงได้มีการพระราชทานพวงมาลาหลวง
อย่างไรก็ตาม สำหรับความช่วยเหลือสวัสดิการดูแลผู้เสียชีวิตและครอบครัวนั้น ตนได้เน้นย้ำกับ พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบ.ตร. ให้ดูแลเรื่องการสวดอภิธรรมศพ ซึ่งจะต้องดำเนินการอย่างสมเกียรติของผู้เสียชีวิต และสิทธิประโยชน์ต่างๆ ขณะนี้เราได้มีการเตรียมและจะดำเนินการอย่างเต็มที่ ส่วนในเรื่องของการพิจารณาปูนบำเหน็จความชอบ และการพิจารณาการเลื่อนชั้นยศ ตนก็ได้สั่งการไปยังผู้บังคับการกองบินให้เร่งรัดดำเนินการอย่างเร็วที่สุด
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ยังเผยถึงสาเหตุที่เฮลิคอปเตอร์ตกครั้งนี้ เนื่องจากภายในระยะเวลา 1 เดือน กลับเกิดเหตุ 2 เหตุการณ์ไล่เรียงกัน ว่า ก็เป็นเรื่องที่คิดได้ว่าภายในระยะเวลาหนึ่งเดือน หรือ 30 วัน เกิดเหตุการณ์ถึงสองครั้ง และยังทำให้เกิดความสูญเสียอย่างใหญ่หลวง ตนเชื่อว่าไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ดังนั้น ส่วนการจะสรุปสาเหตุ อาจจะเป็นการตอบอย่างเร็วเกินไปในตอนนี้ เพราะในเหตุการณ์ครั้งที่ 1 ตนได้คุยกับจเรตำรวจแห่งชาติ ซึ่งยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่พอเหตุการณ์ครั้งที่ 2 มาเกิดขึ้นเมื่อเมื่อวานนี้ (24 พ.ค.) ตนก็ได้สั่งการไปเมื่อเช้านี้ว่าให้แยกออกเป็นสองส่วน ซึ่งมันจะต้องมีการตรวจสอบ เนื่องจากเหตุการณ์ครั้งที่ 2 นี้มันมีเหตุแห่งเรื่องของการขัดข้องทางเทคนิคอย่างไร หรือไม่ ถ้าพูดแบบตรงๆ คือ เราต้องตรวจสอบให้ครบทุกมิติ แต่การตรวจสอบเราจะใช้ระยะเวลาที่สั้นนั้น ตนมองแล้วก็รู้สึกว่ามันจะเร็วเกินไปหรือไม่ เพราะมันควรมีความรอบคอบและถูกต้องชัดเจนด้วย
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เผยอีกว่า ตอนนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง เพราะกรณีที่เครื่องตก เราต้องดูว่าเป็นเรื่องของเหตุสุดวิสัย อุบัติเหตุ หรือเกิดจากความขัดข้องของเครื่องยนต์อย่างไรหรือไม่ ซึ่งเราจะต้องขยายความไปว่าแต่ละประเด็นเกิดจากอะไรบ้าง ก็จำเป็นต้องใช้เวลา อย่างไรก็ดี ภารกิจของเฮลิคอปเตอร์ รุ่นเบลล์ 212 ได้รับปฎิบัติภารกิจที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นคำสั่งที่ถูกต้อง โดยเหตุการณ์อยู่ระหว่างการเดินทางกลับที่หน่วยบินที่กาญจนบุรี แต่ก็เกิดเหตุขึ้นมาเสียก่อน ส่วนเรื่องมีการซ่อมบำรุงเฮลิคอปเตอร์รุ่นดังกล่าวมาก่อนหรือไม่นั้น ตนยอมรับว่ามี
ล่าสุดที่ตนได้รับรายงาน คือ เมื่อวันที่ 13 เม.ย. ที่ผ่านมา มีการตรวจสอบในวงรอบของการบินซึ่งเป็นมาตรฐานของอากาศยานและไม่ได้พบสิ่งผิดปกติ อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ มีเพียงการตรวจซ่อมบำรุงตามระยะและตามวงรอบ
"สำหรับการใช้งานเฮลิคอปเตอร์ดังกล่าว หากมองในเรื่องของปีพุทธศักราช เราอาจมองว่านาน เพราะมันระยะเวลา 40 กว่าปี ซึ่งต้องเรียนว่ารุ่นเบลล์ 212 ใช้ในราชการกองบินตำรวจ มีอยู่ประมาณ 10 ลำ และในจำนวน 10 ลำนี้ก็มีรอจำหน่ายเพราะได้อายุมากแล้ว ส่วนที่เหลือก็มีการซ่อมบำรุงตามวงรอบ แล้วก็ใช้ได้อยู่ 3 ลำ ซึ่ง 3 ลำนี้พอเกิดเหตุก็เลยเหลือ 2 ลำ ซึ่งในอายุราชการที่ใช้อยู่นั้น ในหลายๆ ประเทศก็ยังใช้อยู่ แต่ว่าเรามีการตรวจสอบบำรุงซ่อมแซมอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งก็ต้องมีการตรวจสอบว่าเกิดจากอะไร" ผบ.ตร. ระบุ
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เผยด้วยว่า ส่วนเฮลิคอปเตอร์อีก 2 ลำที่เหลือ ยังต้องใช้งานต่อหรือไม่นั้น ภายใน 2-3 วันนี้ ตน และ รอง ผบ.ตร. และฝ่ายบริหาร จะเดินทางไปที่กองบินตำรวจ เพื่อไปพูดคุยรับฟังข้อมูลที่จะวางแนวบริหารให้กับกองบินตำรวจ และเราจะต้องไปสร้างขวัญกำลังใจ ซึ่งตนจะใช้อากาศยานในวันเสาร์นี้ด้วย ตนมั่นใจในตัวนักบิน และกองบินตำรวจ ดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นในเวลานี้ ตนเชื่อว่าเป็นเรื่องของเหตุสุดวิสัย ซึ่งมันไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น พอมันมีการสูญเสียเกิดขึ้น เราไม่สามารถรับหลายสิ่งหลายอย่างที่กระทบต่อจิตใจได้
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เผยเพิ่มเติมว่า ในกองบินตำรวจเราจะมีการใช้เฮลิคอปเตอร์รุ่นเบลล์ และยูโร ออเคสตร้า ที่ใช้ในราชการตำรวจ และมีรอจำหน่าย และมีซ่อมบำรุงวงรอบระยะกิโลที่ใช้ ซึ่งสามารถใช้ได้ปกติ และมีอายุการใช้งานไม่มากอยู่แล้ว ซึ่งขณะนี้ตนได้สั่งให้ทบทวนทั้งหมด และขอดูข้อมูลทั้งหมดภายใน 2 วันนี้ เพราะอยากจะรู้ว่าลำไหนที่มีอายุขนาดไหนบ้าง และมีประวัติการซ่อมบำรุงที่ผ่านมาอย่างไร ซึ่งจะไปประกอบในเรื่องของการตรวจสอบข้อมูลด้วย
ทั้งนี้ ในภารกิจที่ผ่านมา ทั้งการสนับสนุนกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ในเรื่องความสงบเรียบร้อย การตรวจตราในช่วงเทศกาล และรวมไปถึงในเรื่องของการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บนำเรียงนำส่ง และสนับสนุนการแพทย์ฉุกเฉิน เรามีความจำเป็นแต่เราก็มีนักบินที่ดีและมีคุณภาพ ซึ่งในจำนวนนี้คงจะต้องมีการทบทวนและตรวจสอบว่าลำไยที่ไม่จำเป็นต้องซ่อมบำรุงอีกแล้ว แล้วรอจำหน่ายได้เลย ซึ่งตนขอข้อมูลในเร็ววันนี้
"ตนได้สั่งให้ผู้บังคับการกองบินตำรวจ ดำเนินการระงับและตรวจสอบทุกลำทั้งหมด หรือการกราวนด์ จนกว่าจะมีความมั่นใจในอากาศยานทุกลำ ซึ่งตนได้สั่งการไปเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เพื่อให้เป็นความมั่นใจในการใช้งานและเป็นความมั่นใจให้กับนักบินด้วย เพราะการตรวจสอบเบื้องต้น ตนคิดว่าในความเชี่ยวชาญ คงใช้เวลาไม่นาน แต่ว่าทั้งหมดต้องได้รับการยืนยันนำเรียนมาให้ตนรับทราบด้วยว่า อากาศยานทุกลำจะมีความมั่นใจในการใช้งานจากนี้ต่อไปอย่างไร เพื่อนักบินจะได้มีความมั่นใจในการใช้อากาศยาน เพราะนักบินได้ผ่านการบินเป็นชั่วโมงเป็นจำนวน 1,000 ชั่วโมงอยู่แล้ว
ดังนั้น เครื่องบินจะต้องมีความปลอดภัยทุกลำ ซึ่งในวันสองวันนี้ตนจะได้ไปรับฟังข้อมูลการตรวจสอบกับกองบินตำรวจ เพราะตนไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ แต่ในฐานะผู้บริหาร จะต้องรับฟังจากนักบิน และผู้ที่มีความเชี่ยวชาญสามารถของกองบินตำรวจ ว่าถ้าตนสั่งเช่นนี้ จะใช้เวลานานแค่ไหน ซึ่งในความคิดตนจะต้องแบ่งระดับความจำเป็นของการใช้งาน ว่าประเภทไหนต้องตรวจสอบก่อน ต้องมีการจัดลำดับความสำคัญ" ผบ.ตร. ระบุปิดท้าย
Advertisement