(20 พ.ค. 2568) จากกรณี คนร้ายใช้ รถจยย. 2 คันเป็นพาหนะ ใช้อาวุธสงครามกราดยิงเจ้าหน้าที่ อส. จำนวน 5 นาย ขณะกำลังวิ่งออกกำลังกายบนถนนภายในหมู่บ้านระเวง ม.3 ต.ดอนทราย อ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี ซึ่งอยู่ใกล้ฐานปฏิบัติการณ์ชุดคุ้มครอง ตำบลไม้แก่น เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ อส.เสียชีวิต 2 นาย ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ประกอบด้วย
1.นายซูไฮมี อาบู อายุ 30 ปี ถูกยิงที่ศีรษะ ลำตัว และขาขวา รวม 3 นัด เสียชีวิต
2.นายนามะรอยาลี โต๊ะเส้ง ถูกยิงที่ศีรษะและ ลำตัว รวม 2 นัด เสียชีวิต
3.นายดาหรี แลเมาะ อายุ 46 ปี ได้รับบาดเจ็บ
4.นายมูรีดัน อาบู อายุ 39 ปี ได้รับบาดเจ็บ
5.นายมูฮัมมัดเทาเพ็ชร เจะมามะ อายุ 43 ปี ได้รับบาดเจ็บ
โดยเหตุเกิดเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 19 พ.ค. ที่ผ่านมา
สำหรับ ความคืบหน้าล่าสุด พล.ต.ต.สันทัศน์ เชื้อพุฒตาล ผบก.ภ.จ.ปัตตานี ได้ประสานชุดพิสูจน์หลักเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้ง ซึ่งจากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนปืน อาก้า จำนวน 6 ปลอก หัวกระสุน 2 นัด ปลอกกระสุนขนาด 9 มม. จำนวน 2 ปลอกและหัวกระสุนขนาด 9 มม. จำนวน 1 นัด ซึ่งเป็นของคนร้ายที่ใช้ก่อเหตุและได้กำชับให้นำไปตรวจสอบว่าอาวุธปืนที่คนร้ายใช้เหตุจะมีความเชื่อมโยงกับเหตุใดบ้างซึ่งเชื่อว่าน่าจะรู้ตัวกลุ่มคนร้าย นอกจากนี้ยังได้กำชับให้ชุดสืบสวนสอบสวนลงพื้นที่เร่งหาข่าวรวมไปถึงเบาะแสของกลุ่มคนร้าย เนื่องจากบริเวณที่เกิดเหตุเป็นย่านชุมชนเชื่อว่าน่าจะมีพยานซึ่งอยู่บริเวณที่เกิดเหตุเห็นเหตุการณ์และพฤติการณ์ของคนร้าย
ขณะที่การตรวจสอบกล้องวงจรปิดซึ่งอยู่บริเวณที่เกิดเหตุปรากฏว่ากล้องวงจรปิดสามารถจับภาพบุคคลต้องสงสัย และเชื่อว่าน่าจะเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุยิง อส. มีลักษณะ แต่งกายคล้ายผู้หญิงซึ่งตรงกับที่พยานแจ้งเบาะแส โดย คนร้ายกลุ่มนี้มีด้วยกัน 4 คน ใช้รถจักรยานยนต์ 2 คัน เป็นพาหนะ
โดยกล้องจับภาพสองคนแรก คนขับมีลักษณะใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาว นุ่งผ้าโสร่ง สวมหมวกไหมพรหมสีดำ ใส่แมส และแว่นตาสีดำเพื่อปกปิดใบหน้า ขณะที่คนซ้อนท้ายแต่งกายคล้ายผู้หญิงด้วยการสวมผ้าคลุมศีรษะสีดำ สังเกตได้ว่าภายในผ้าคลุมมีอาวุธปืนยาว ขณะที่สองคนร้ายที่ขับรถจักรยานยนต์ตามหลัง คนร้ายทั้งสองคนมีลักษณะแต่งกายคล้ายกัน โดยเจ้าหน้าที่เชื่อว่าทั้งสี่คนน่าจะเป็นผู้ต้องสงสัยที่ก่อเหตุลอบยิง อส. ในครั้งนี้
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่เชื่อว่าคนร้ายที่ก่อเหตุเป็นกลุ่มของ นายฮารีส อับดุลเลาะ และ นายอัมมา สาและ ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีความมั่นคง และเป็นแกนนำระดับปฏิบัติการในพื้นที่ โดยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนความมั่นคงรายงานว่าก่อนหน้านี้พบความเคลื่อนไหวของบุคคลทั้งสองในพื้นที่ ซึ่งทางหน่วยความมั่นคงได้แจ้งเตือน ให้เตรียมความพร้อมและเฝ้าระวังอาจจะเกิด ลอบทำลายเจ้าหน้าที่ และบุคคลเป้าหมายอ่อนแอ ในพื้นที่
ขณะที่ชุดสืบสวนสอบสวนคดีความมั่นคง ได้ออกมาแจ้งเตือนเจ้าหน้าที่และประชาชนให้เฝ้าระวังและตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับคนร้ายที่ก่อเหตุ ซึ่งทุกครั้งที่เกิดสถานการณ์ลอบทำร้ายเจ้าหน้าที่และประชาชน พบว่าคนร้ายจะมีการแต่งกายในลักษณะคล้ายกันจึงแจ้งให้พึงระวังและสังเกตการแต่งกายของคนร้าย ดังนี้
1. คุณขับขี่รถจักรยานยนต์หรือคนซ้อนท้ายมักสวมหมวกกันน็อกเต็มใบ ใส่แมส แต่งตัวมิดชิด
2. คนซ้อนท้ายมักแต่งกายคล้ายผู้หญิง
3. คนร้ายมัดขับขี่รถจักรยานยนต์มาเป็นคู่
จึงฝากให้กำลังพลและประชาชนหากพบบุคคลลักษณะดังกล่าวก็อาจเป็นคนร้ายจะเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่จึงขอเน้นย้ำให้ใช้ความระมัดระวังหรือแจ้งเจ้าที่ให้ทราบเพื่อเข้าทำการตรวจสอบ
ด้าน นายนิติพงษ์ ทาหา นายอำเภอไม้แก่น เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาได้เน้นย้ำกับเจ้าหน้าที่อาสาสมัครรักษาดินแดน หรือ อส. ให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความไม่ประมาทอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเช้าวันจันทร์ก่อนเกิดเหตุ ตนได้มีการประชุมร่วมกับปลัดอำเภอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหารือแนวทางในการปฏิบัติงานให้มีความปลอดภัย โดยกำชับให้เจ้าหน้าที่หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ซ้ำซาก เช่น การใช้รถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ลาดตระเวนในรูปแบบเดิมๆ และให้มีการสลับรูปแบบการลาดตระเวนระหว่างการเดินเท้าและใช้พาหนะ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและลดความเสี่ยงจากเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
นายอำเภอไม้แก่น เผยอีกว่า เจ้าหน้าที่ อส. ที่เสียชีวิตทั้ง 2 นาย ขณะนี้ได้มีการมอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้น รวมถึงข้าวสารเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของครอบครัวผู้เสียชีวิต ขณะเดียวกัน ทราบว่าเจ้าหน้าที่ อส. ร่วมกันระดมทุนคนละ 100 บาท เพื่อนำเงินไปช่วยเหลือครอบครัวของผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บอีกด้วย
ซึ่งขณะนี้ตนได้ยื่นหนังสื่อให้กับทางจังหวัดเพื่อขอรับการสนับสนุนเงินเยียวยาจากภาครัฐ เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ในครั้งนี้
นายอำเภอไม้แก่น เผยตอนท้ายว่า ผู้เสียชีวิตทั้ง 2 นายต่างเป็นชาวอำเภอไม้แก่น และมีบ้านพักอยู่ไม่ห่างจากจุดเกิดเหตุ โดยต่างมีครอบครัว ค่อนข้างเป็นครอบครัวใหญ่ และต่างก็มีลูกถึง 3 คนเช่นเดียวกัน สร้างความเศร้าสลดใจให้แก่ครอบครัวและชุมชนเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงขึ้นกับคนในพื้นที่ของตนเอง
Advertisement