อา "ดีเจเตเต้" ร่ำไห้รับศพหลาน มองผู้ก่อเหตุลงมือโหดเหี้ยมเกินไป
อา "ดีเจเตเต้" ร่ำไห้รับศพหลานกลับกาญจนบุรี มองผู้ก่อเหตุลงมือโหดเหี้ยมเกินไป เดินหน้าทางกฎหมายถึงที่สุด รับครอบครัวกังวลมาก เพราะยังจับไม่ได้อีก 4 คน
บรรยากาศที่สถาบันนิติเวชวิทยาโรงพยาบาลตำรวจ ทางครอบครัวของ นายวราพงษ์ หรือ ดีเจเตเต้ เดินทางมาติดต่อขอรับศพกลับไปประกอบพิธีทางศาสนา ซึ่งวันนี้ผลชันสูตรเบื้องต้นทางแพทย์จะแจ้งให้ญาติทราบด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ผู้สื่อข่าวได้คุยกับอา นายวราพงษ์ หรือ ดีเจเตเต้ ที่วันนี้ได้รับมอบอำนาจจากทางครอบครัวให้เป็นคนมาติดต่อขอรับร่างหลานชายกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้านใน จ.กาญจนบุรี
อาดีเจเตเต้ บอกว่า ตอนนี้ครอบครัวมีความกังวลเรื่องความปลอดภัยมาก เพราะตามที่ปรากฏในข่าวกลุ่มผู้ก่อเหตุค่อนข้างมีอิทธิพลในพื้นที่คนในครอบครัวต้องทำมาหากินในพื้นที่ ส่วนตัวแม้จะไม่ได้อยู่ในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี แต่ก็ติดตามข่าวว่าผู้ก่อเหตุน่าจะสามารถไปไหนมาไหนได้ในพื้นที่และสามารถออกนอกประเทศได้และมีเครือข่ายอยู่ทั่วไปหมด เพราะตามที่ปรากฏในข่าวเป็นถึงเอเย่นต์ค้ายาเสพติด ซึ่งในเรื่องของความปลอดภัยได้แจ้งกับทางตำรวจในพื้นที่ที่ทำคดีแล้วว่าทางครอบครัวมีความกังวลเรื่องนี้ โดยอาของดีเจเตเต้ย้ำว่า "ทางครอบครัวไม่ได้ขออะไรเลยแต่ขออย่ามาทำร้ายครอบครัว เพราะมีความกังวลใจในเรื่องนี้มาก"
สำหรับ ดีเจเตเต้ อาบอกว่า เลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กผูกพันมากเปรียบเหมือนลูกและเตเต้ก็เปรียบตัวเองเหมือนพ่อคนที่ 2 ตั้งแต่เด็กจนโตไม่มีนิสัยก้าวร้าวหรือมีเรื่องให้ต้องเป็นห่วง และหลานยังเป็นคนหัวอ่อน และบางทีอาจจะมีดื้อเงียบบ้าง แต่ก็ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งชกต่อยกับใคร พร้อมยืนยันว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตัวเองรู้จักหญิงคนสนิทของหลานชายแค่คนที่ปรากฏในข่าวเท่านั้นส่วนอีก 2 คนตัวเองไม่เคยทราบมาก่อน
อาดีเจเตเต้ ยังบอกอีกว่าเมื่อวันที่ 5 ธ.ค. ที่ผ่านมา หลานชายโทรมาบอกว่ารักเหมือนพ่อ ซึ่งพอพูดถึงประเด็นนี้อาถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ แม้ว่าตัวเองจะมีครอบครัวแต่ เตเต้ ก็เป็นหลานที่ตัวเองเลี้ยงมาตั้งตั้งแต่เด็ก ซึ่งทันทีที่ได้ฟังหลานพูดแบบนี้ยิ่งตื้นตัน แล้วตั้งแต่เด็กจนโตเตเต้มีเรื่องอะไรที่ไม่สามารถบอกกับพ่อได้ก็จะบอกกับตัวเองทั้งหมด ยกเว้นเรื่องส่วนตัวจะไม่ค่อยเล่า เพราะหลานจะรู้ว่าตัวเองงานยุ่งไม่อยากนำเรื่องเล็กๆ น้อยๆ มาทำให้คิดมาก ก่อนหลานจะมาถูกพบเป็นศพ ช่วงวันที่ 7 และ 8 พ.ค. ที่ผ่านมา ยังมานอนที่บ้านตัวเองก็ไม่พบว่ามีอะไรผิดปกติ และหลานก็ไม่ได้เล่าอะไรให้ฟัง มีแต่ซื้อของที่ตลาดมาฝาก ซึ่งเป็นนิสัยปกติทำให้หลานชายเป็นที่รักของคนในครอบครัว
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตัวเองอยากให้ตำรวจจับตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีให้ได้ทั้งหมด และขอให้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ทุกอย่างขอให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย เพราะมองว่าหากเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นตามที่ปรากฏในข่าวก็ไม่น่าจะถึงขั้นทำโหดเหี้ยมกับหลานของตัวเองขนาดนี้ จิตใจทำด้วยอะไร มองว่าเป็นเหตุอุกอาจมาก
สำหรับร่างของ นายวราพงษ์ หรือ ดีเจเตเต้ จะรับศพกลับไปตั้งประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้านใน จ.กาญจนบุรี เพราะดีเจเตเต้มีความผูกพันธ์กับย่ามากๆ ตั้งแต่เด็ก จึงอยากให้ช่วงสุดท้ายของชีวิตหลานได้อยู่ใกล้ชิดกับย่า
Advertisement
