จากกรณีเกิดเหตุ แผ่นดินไหว ศูนย์กลางในประเทศเมียนมา ขนาด 8.2 ความลึก 10 ก.ม. เมื่อเวลา 13.20 น. วันที่ 28 มี.ค. ที่ผ่านมา ทำให้หลายพื้นที่ทั่วประเทศไทยรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง โดยเฉพาะบริเวณภาคเหนือ ภาคกลาง และ กทม. ที่เกิดเหตุการณ์ ตึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่กำลังก่อสร้างเกิดถล่มลงมา เป็นเหตุทำให้มีคนงานบาดเจ็บ สูญหาย และเสียชีวิตจำนวนมาก
จนถึงวันนี้ (13 พ.ค. 68) เจ้าหน้าที่ได้ยุติการค้นหาร่างผู้สูญหายแล้ว ซึ่งปัจจุบันตัวเลขผู้ประสบเหตุดังกล่าวมีทั้งหมด 109 ราย ซึ่งเป็นผู้บาดเจ็บทั้งหมด 9 ราย และ 4 ราย เป็นผู้ที่ไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ ส่วนผู้เสียชีวิตที่สามารถตรวจอัตลักษณ์ได้แล้วมีทั้งหมด 89 ราย ดังนั้นจึงยังเหลือผู้สูญหายเพียง 7 ราย แต่ขณะนี้มีชิ้นส่วนมนุษย์ที่ได้จากการค้นหาภายใต้ซากตึก สตง. อยู่ที่สถาบันนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ 296 ชิ้น ดังนั้นผู้สูญหายทั้งหมด 7 รายนี้คาดว่าจะอยู่ในส่วน 296 ชิ้นนี้
ทั้งนี้เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 13 พ.ค. 68 ทางกรุงเทพมหานคร พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้จัดพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 109 รูป และพิธีสวดพระพุทธมนต์ เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้สูญหาย และผู้เสียชีวิต จากอาคาร สตง. ถล่มดังกล่าว โดยมี นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่ากรุงเทพมหานคร เป็นประธาน ซึ่งจัดขึ้นที่บริเวณชั้น 3 ภายในอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)
โดยมีเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมด้วย ญาติและเพื่อนแรงงานผู้เสียชีวิต และผู้สูญหายมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก รวมถึง นายมณเฑียร เจริญผล ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) อีกทั้งยังมี นายจตุพร พรหมพันธุ์ นักกิจกรรมและนักการเมือง นาย นิติธร ล้ำเหลือ หรือ ทนายนกเขา แกนนำคปท. มาร่วมทำบุญในครั้งนี้ด้วย
จากนั้นเวลาประมาณ 09.45 น. ผู้บริหาร กทม.และผู้ที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันยืนไว้อาลัย บริเวณชั้นล่าง อาคารจอดรถ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนของนายมณเฑียร เจริญผล ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้เดินทักทาย และขอบคุณเจ้าหน้าที่แต่ละหน่วยงานที่เข้ามาช่วยค้นหาผู้สูญหาย พร้อมกล่าวว่า ทุกอย่างต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย ยืนยันว่าเราไม่ได้ลอยตัว และเราทำงานตลอดเวลา แต่เราไม่ต้องการออกสื่อแค่นั้น
สำหรับเรื่องคดีอาญา ต้องถามเจ้าหน้าที่ตำรวจและดีเอสไอ ส่วนการออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องก็ต้องเป็นไปตามกฎหมาย
เมื่อถามว่า กระแสสังคมบางส่วนมองว่า อยากให้ผู้ว่าฯสตง.แสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกนั้น นายมณเฑียร หัวเราะในลำคอ และไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าวแต่อย่างใด
ทั้งนี้ นายมณเฑียร กล่าวว่า ที่บอกว่าตนอยู่เฉย ตนบอกไปแล้ว 2-3 ครั้งว่า เรื่องคดีความมีคนดำเนินการหลายส่วน ทั้งคณะกรรมการสอบสวนของรัฐบาล ทุกคณะต้องรอผลการสอบสวนคณะนี้ รวมถึงดีเอสไอ เราก็รอว่าดีเอสไอจะว่าอย่างไร รวมถึงกรรมาธิการทุกคณะ เป็นเรื่องการชี้แจงข้อเท็จจริง และในส่วนของ ป.ป.ช.เราก็ให้ความร่วมมือทั้งหมด ทั้งหมดในกระบวนการ สตง.พร้อมให้ความร่วมมือ และยอมรับผลการตรวจสอบทุกเรื่อง ส่วนที่มีคนถามว่าตนรู้เรื่องใหม่ ตนเพิ่งเป็นผู้ว่าฯ 1 ปี ดังนั้นกระบวนการก่อนหน้านี้ตนก็จะให้เจ้าหน้าที่ที่รู้เรื่องจริงๆไปตอบ ในฐานะผู้เกี่ยวข้องโดยตรง
ส่วนเรื่องการออกแบบ และการแก้แบบอาคาร ยืนยันว่าต้องได้รับความยินยอมจากผู้ออกแบบ ทุกอย่างมีหลักการตามกฎหมาย และระเบียบ มาตรฐานวิศวกรรม ทุกคนหนีไม่พ้นกฎแห่งกรรม ใครทำอะไรไว้ต้องรับผลของการกระทำ กฎหมายและระเบียบ ไม่เอาเรื่องของความรู้สึก
เมื่อถามว่า ญาติผู้สูญเสียบอกว่า ยังไม่ได้รับคำขอโทษ นายมณเฑียร กล่าวว่า ไปถามญาติตรงๆ อย่าไปถามคนอื่น ตนไปพบญาติทุกคน และส่งเจ้าหน้าที่ทุกคน ทุกจังหวัด ไปร่วมงานศพของทุกคน
ขณะที่ น.ส.มด หนึ่งในผู้สูญเสีย กล่าวว่า ตนสูญเสียแม่กับน้องสาว วันเกิดเหตุภาวนาให้มีปาฏิหาริย์ แต่มันก็ไม่มี การรอคอยสิ้นสุดแล้ว เจอร่างแม่กับน้องสาวแล้ว ซึ่งทั้งสองคนเสียชีวิตอยู่ในจุดเดียวกัน ขณะที่กำลังรอการยืนยันอัตลักษณ์ของแม่ที่นิติเวช จากนั้นจะนำร่างกลับไปทำพิธีทางศาสนาที่บ้านเกิดของแม่ที่ จ.นครราชสีมาต่อไป
น.ส.มด กล่าวต่อว่า ขอบคุณทุกหน่วยงานที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจมาช่วยค้นหาครอบครัวผู้สูญหาย ขอบคุณผู้ว่าฯชัชชาติที่เป็นพ่อเมืองที่ดีมาก อยู่เฝ้าตั้งแต่เช้าจนดึก มาทุกวัน ตนเห็นการทำงานมาตลอด การทำงานที่ทุลักทุเล แดดอ่อน ฝนตก การทำงานมีอุปสรรคตลอด
ส่วนเรื่องการเยียวยายังไม่มีหน่วยไหนประสานเข้ามา มีเพียงการไปยื่นเรื่องทำศพกับบริษัทที่น้องสาวกับแม่ทำงาน มูลนิธิกัน จอมพลัง ปอเต็กตึ๊ง และนิติเวช เท่านั้น ส่วนผู้ว่าฯสตง.นั้น อยากให้มาคุยกับตนบ้าง เพราะว่าตนสูญเสียแม่กับน้องทั้งสองคน อยากให้ออกมารับผิดชอบ และเยียวยาจิตใจบ้าง
Advertisement