เมื่อวานนี้ (11 พ.ค. 2568) ตำรวจ สภ.งาว อ.งาว จ.ลำปาง นำตัว นายนาวิน อายุ 43 ปี ชาว อ.งาว จ.ลำปาง ผู้ต้องหาคดีเสพยาและกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี ไปฝากขังต่อศาลจังหวัดลำปาง โดยเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นเมื่อช่วงประมาณตี 5 ของวันที่ 9 พ.ค. 2568 ที่ผ่านมา ขณะที่เด็กหญิงรายดังกล่าวนอนอยู่ในห้องนอน พ่อเลี้ยงหื่นรายดังกล่าว ซึ่งกลับจากการเชือดหมู ส่วนแม่ของเด็กก็ไปขายหมูในตลาดพ่อเลี้ยงหื่นรายดังกล่าว จึงอาศัยจังหวะนั้นเข้าไปข่มขืนเด็กจนสำเร็จความใคร่ ต่อมาเด็กหญิงได้นำเรื่องไปบอกคนที่ไว้วางใจจึงมีการไปแจ้งผู้ใหญ่บ้านทราบ และผู้ใหญ่บ้านจึงพาเด็กไปแจ้งความกับตำรวจดังกล่าว จนท.จึงส่งตัวเด็กหญิงวัย 11 ขวบรายดังกล่าวไปตรวจร่างกาย เบื้องต้นพบมีร่องรอยการข่มขืนและสารคัดหลั่งจึงรวบรวมหลักฐาน
ต่อมาในช่วงสายวันที่ 10 พ.ค. 2568 ชุดสืบสวน สภ.งาว ได้ไปควบคุมตัวพ่อเลี้ยงหื่นรายดังกล่าวได้ในขณะที่เดินไปทำธุระอยู่ในหมู่บ้าน พร้อมนำตัวมาสอบสวนที่ สภ.งาว และจากการตรวจปัสสาวะพบฉี่เป็นสีม่วง เบื้องต้นพ่อเลี้ยงหื่นรับว่ามีการเสพยาบ้าก่อนลงมือข่มขืนลูกเลี้ยง จนท. จึงแจ้งข้อหากระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี และเสพยาเสพติดก่อนที่จะนำตัวผู้ต้องหาฝากขังต่อศาลจังหวัดลำปาง
ล่าสุดวันนี้ (12 พ.ค. 2568) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ที่บ้านของ นางนิศารัตน์ ผู้ใหญ่บ้านแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.งาว จ.ลำปาง เพื่อสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยผู้ใหญ่บ้านเล่าให้ฟังว่าเมื่อวันที่ 9 พ.ค. 2568 ตนเองได้รับทราบจากลูกบ้านหลังจากที่น้องผู้เสียหายได้ไปเล่นที่บ้านเพื่อนบ้าน โดยเด็กไปเล่นบ้านเพื่อนตั้งแต่เช้ากระทั่งเย็น เจ้าของบ้านจึงบอกว่าเย็นแล้วให้เด็กกลับบ้านแล้วพรุ่งนี้ค่อยมาเล่นใหม่ แต่เด็กไม่ยอมกลับก่อนที่จะเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้กับเจ้าของบ้านที่น้องไว้ใจฟัง เจ้าของบ้านได้นำเรื่องแจ้งให้ตนเองทราบ จึงนำไปสู่การพาเด็กเข้าไปแจ้งความตำรวจดังกล่าว
โดยผู้ใหญ่บ้านบอกว่าในฐานะที่เป็นผู้นำหมู่บ้านมีหน้าที่ในการดูแลลูกบ้านและพี่น้องประชาชนอยู่แล้ว ไม่อาจทนเห็นเด็กซึ่งเล็กมากถูกกระทำในลักษณะนั้นได้ โดยในตอนนั้นคิดเพียงแต่ว่าจะช่วยเด็กให้ได้ก่อนเป็นอันดับแรก ไม่ได้คิดว่าจะทำให้เกิดความเสียหายของหมู่บ้านแต่อย่างใด เพราะคนเป็นผู้นำมีหน้าที่ดูแลทุกข์สุขและช่วยเหลือขาวบ้านที่เดือดร้อน ส่วนเด็กขณะนี้ได้ไปอยู่ในความดูแลของญาติผู้ต้องหา โดยญาติมีผู้ใหญ่ดูแลและมั่นใจในความปลอดภัยของเด็ก อีกอย่างเด็กก็คุ้นเคยกับญาติๆ
ซึ่งหลังจากนี้เด็กจะได้ไปอยู่กับญาติอีกคนหนึ่งที่ต่างจังหวัด ส่วนปัญหายาเสพติดในพื้นที่ ผู้ใหญ่บ้านยอมรับว่ายังคงมีระบาดและไม่หมดสิ้น เนื่องจากผู้เสพยังคงกลับมาเสพหลังจากไปบำบัดแล้วหมุนเวียนเข้าออก ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ เพราะผู้เสพเมื่อนำตัวไปบำบัดแล้วจะใช้ระยะสั้นๆ เท่านั้น โดยที่ผู้เสพยังไม่สามารถเลิกยาได้เด็ดขาด เมื่อกลับออกมาสู่ชุมชนก็กลับมาเสพอีกและเกิดปัญหาสังคมขึ้น จึงอยากให้ทางภาครัฐเข้ามาแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง
Advertisement