ชัชชาติ เผย เร่งเปิดช่องทางบันไดหนีไฟชั้นใต้ดิน ค้นหา 14 ร่างที่เหลือ
"ชัชชาติ" ผู้ว่าฯ กทม. เผย เร่งเปิดช่องทางบันไดหนีไฟชั้นใต้ดิน ค้นหา 14 ร่างที่เหลือ คาดใช้เวลา 3-4 วัน หลังยุติค้นหาส่งพื้นที่คืน สตง. ดำเนินการต่อ
เมื่อเวลา 10.30 น. (5 พ.ค. 2568) ที่กองอำนวยการร่วม สน.บางซื่อ ห้างเจเจมอลล์ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. พร้อมด้วย นายสุริยชัย รวิวรรณ ผอ.สปภ.กทม. ร่วมกันแถลงความคืบหน้าเหตุอาคาร สตง.ถล่ม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โดย นายชัชชาติ กล่าวว่า การรื้อเป็นไปได้ด้วยดี ลงถึงบันได SC2 ในชั้นใต้ดินแต่ไม่มีผู้ติดค้างอยู่ โดยวันนี้จะเดินหน้าต่อไปที่ SC1 หรือบันไดฝั่งซ้าย เดิมที่อัปเดตยอดผู้เสียหายที่ยังเหลือแค่ 8 ราย รวมจาก 103 ราย แต่ทางตำรวจได้รับแจ้งจากญาติ เพิ่มขึ้นมาอีก 6 รายเป็น 14 ราย กลายเป็นยอดทั้งหมด 109 ราย ก็ยังเดินหน้าค้นหาต่อ แต่ในจำนวน 14 รายที่เหลือ ต้องบอกว่าอาจจะมีชิ้นส่วนมนุษย์ที่ส่งไปให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจอัตลักษณ์แต่ยังไม่ยืนยันตัวบุคคลกลับมา ซึ่งอาจจะเป็นชิ้นส่วนของใน 14 รายที่อาจจะเจอแล้ว แต่อยู่ระหว่างรอ พฐ.ตรวจดีเอ็นเออยู่
หลักๆ จะเหลืออีกไม่กี่พื้นที่ ที่ต้องค้นหาเพิ่มเติม จะมีโถงทางเดิน ST 1 ที่เชื่อมกับทางจอดรถด้านหลัง และอาจจะมีรอบอาคารบ้างที่ถูกของตกลงมาทับ คาดว่าภายใน 3-4 วันจะเปิดพื้นที่ได้เกือบทั้งหมด
ส่วนการเก็บหลักฐานทาง เจ้าหน้าที่ พฐ. และกรมโยธาธิการและผังเมือง พยายามเก็บหลักฐานอยู่ตลอด ทาง กทม. ก็ให้ความร่วมมือเต็มที่ ซึ่งหากจะเก็บตรงไหน เราก็จะตัดเก็บไว้ให้ ทั้งการคอริ่ง-ยิ่งชีตแฮมเมอร์เทส โดยมีการเก็บไปกว่า 100 ชิ้นตัวอย่างแล้ว
หลังจากนี้ต้องดูว่าพื้นที่ไหนจะยุติการค้นหาแต่ต้องยอมรับร่วมกันทั้งหมดก่อนส่งพื้นที่คืนให้ สตง.เจ้าของพื้นที่ รวมถึงจุดที่นำเศษซากไปทิ้งไว้ที่ของการรถไฟ สุดท้ายต้องมีคนไปนำออก แต่ก็ยังสงสัยว่าอีก 14 รายยังหาไม่เจอแม้เปิดที่ไปเยอะแล้ว แต่คาดว่าจะเจอวันนี้บริเวณบันได ST 1 ด้านล่าง แต่มีการใช้เทคโนโยยีชี้พิกัด GPS ว่าผู้ติดค้างหลบหนีอยู่ตรงจุดไหนบ้าง โดยยังเหลือช่องทางเดินบันไดหนีไฟที่จะวิ่งไปทางที่จอดรถจะต้องเปิดพื้นที่อีกนิด
ส่วนผลกระทบของการใช้พื้นที่ผู้ประกอบการ และการเยียวยามีการประสานกระทรวงมหาดไทยบ้างหรือไม่ นั้น นายชัชชาติ กล่าวว่า ส่วนนึงได้คืนพื้นที่จอดรถต่างๆ ไปเยอะแล้ว ส่วนด้านอื่นจะต้องดูอีกที ว่าจะอยู่ในกระบวนการเยียวยาหรือไม่ เพราะมีหลายปัจจัยต้องแยกให้ชัดเจน ว่า ผลกระทบจากแผ่นดินไหว หรือด้านเศรษฐกิจ ซึ่งตนให้ทาง ผอ.เขตจตุจักรเป็นผู้รวบรวมข้อมูล
นายชัชชาติ กล่าวด้วยว่า หน้าที่หลักของ กทม. คือค้นหาผู้ติดค้าง และนำส่งคืนให้ญาติ เพราะไม่สามารถปล่อยร่างทิ้งไว้ได้ แต่ไม่ใช่การรื้อตึก ซึ่งหากไม่มีผู้ติดค้างก็คงไม่ต้องค้นหา เช่น หากเป็นอาคารร้าง ถล่มและไม่มีผู้เสียชีวิต ก็ไม่เข้าไปรื้อแน่นอน เพราะไม่ใช่อุบัติภัย ทางเจ้าของพื้นที่ต้องดำเนินการเอง
ทั้งนี้หากพบร่างผู้ติดค้างทั้งหมดก็จะส่งอาคารคืนไซต์งานให้ได้ทันที และอยากให้เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นบทเรียนที่ดี ถือเป็นความโชคร้ายที่สูญเสียผู้ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เป็นร้อยๆ คน อย่างก็ต้องมีการปรับปรุงขบวนการต่างๆ ให้ดีขึ้น รวมถึงความโปร่งใสคืนมา
นายชัชชาติ กล่าวอีกว่า ตนไม่ขัดข้องเรื่องตามกฎหมาย อะไรที่มีความปลอดภัยมากขึ้นก็ดี ต้องดูทุกมิติ ทั้งการออกแบบ หน่วยของรัฐ การควมคุมการก่อสร้าง อยากบอกว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ ในพื้นที่ กรุงเทพฯ อาคารมีความแข็งแรง เกือบทั้งหมด มีเพียงอาคารเดียวที่พังถล่ม วิศวกรทำงานได้ถูกต้อง อาจมีแตกร้าวบ้างแต่ซ่อมแล้วก็สามารถอยู่ได้ ในแง่บวกเราสร้างความมั่นใจได้ด้วยซ้ำ กฎหมายเราไม่ได้อ่อน มีการปรับปรุง และออกแบบเผื่อไว้ ตึกทั้งหมดก็ยังยืนอยู่ได้
Advertisement
