วันที่ 1 พ.ค. 68 ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและพฤติมิชอบภาค 3 จังหวัดสุรินทร์ อ่านคำพิพากษาคดี ที่ ปปช.ยื่นฟ้อง นาย ประยุทธ มหากิจศิริ กรรมการและผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยน๊อคซ์ สเตนเลส จำกัด (มหาชน) กรณีการออกเอกสารสิทธิ์เกี่ยวกับที่ดิน น.ส. 3ก. และโฉนดที่ดิน ต.ลาดบัวขาว อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา มาทำการรังวัดแบ่งแยกและรวมโฉนด ทำให้มีเนื้อที่ดินเพิ่มขึ้น189 ไร่ จากที่ดินของสนามกอล์ฟเมาน์เท่น ครีก ที่มีเนื้อที่ดินทั้งหมด 2,304 ไร่ ของบริษัทไทยน๊อคซ์ สเตนเลส จำกัด (มหาชน) ที่มีนายประยุทธ กรรมการบริหาร เเละเจ้าหน้าที่ของรัฐทุจริตเกี่ยวกับการออกโฉนดในเขตที่ดินของรัฐ เป็นเขตป่าสงวนและเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.) โดยมิชอบ
ศาลอาญาคดีทุจริตและพฤติมิชอบภาค 3 อ่านคำพิพากษาลงโทษ นายประยุทธ มหากิจศิริ จำเลยที่ 6 มีความผิดตามป.อาญา ม.149 ประกอบ ม.86 กระทงละ 4 ปี 6 กระทง รวม 24 ปี ส่วน น.ส.อุษณา มหากิจศิริ ลูกสาวนายประยุทธ ฐานเป็นผู้มอบอำนาจให้นำชี้ที่ดินข้างเคียง มีความผิดตาม ป.อาญา ม.149 ประกอบ ม.86 กระทงละ 4 ปี 4 กระทง รวม 12 ปี ในส่วนจำเลยรายอื่นศาลก็สั่งจำคุกทุกราย โดยรายละเอียดจะเเจ้งให้ทราบต่อไป
ทั้งนี้ถือเป็นคดีที่ 2 โดยก่อนหน้านี้ นายประยุทธ โดนโทษจำคุก 2 ปี 8 เดือน คดีเอกสารสิทธิ์กระบี่ไปแล้ว
สำหรับคดีดังกล่าว ป.ป.ช.ได้ชี้มูลตั้งแต่ปี 2564 ชี้มูลความผิดเจ้าพนักงานที่ดินนครราชสีมา สาขาสีคิ้ว กับพวก ประมาณ 5-6 ราย อาทิ หัวหน้าฝ่ายรังวัด ช่างรังวัด เจ้าหน้าที่สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม และ กลุ่มบริษัทเอกชน โดยมีชื่อของ นายประยุทธ มหากิจศิริ ที่เป็นผู้ถูกกล่าวหาถูกชี้มูลด้วย
โดยพบพฤติการณ์ว่า กลุ่มเอกชนได้ให้การสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐสอบเขตขยายเนื้อที่ของโฉนดที่ดิน เพื่อนำมาสร้างสนามกอล์ฟ เมาน์เทน ครีก กอล์ฟ แอนด์รีสอร์ท แอนด์ เรสซิเดนซ์ นครราชสีมา ถือเป็นการร่วมกันกระทำความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบว่ากลุ่มเอกชนได้ไปซื้อที่ดินที่มีโฉนด และซื้อที่ดินที่ไม่มีหลักฐานก่อนจะนำมาสอบเขต เพื่อนำที่ดินที่ไม่มีหลักฐานนั้นเข้าไปรวมด้วย ซึ่งที่ดินที่ไม่มีหลักฐานมีทั้งอยู่ในเขต ส.ป.ก.และเขตป่าสงวนเพื่อนำไปจัดทำสนามกอล์ฟดังกล่าว ถือว่าร่วมกันการกระทำความผิด
แต่เนื่องจากเอกชนไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ จึงถูกชี้มูลความผิดตามมาตรา 151 มาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 และมีบางรายโดนมาตรา 149 ด้วย รวมถึงความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ ในส่วนเจ้าหน้าที่รัฐถูกชี้มูลความผิดตามมาตรา 151 มาตรา 157 และมาตรา 149 และมีความผิดวินัยร้ายแรง
สำหรับอัตราโทษในมาตรา 149 นั้น ระบุให้จำคุก 5-20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และระวางโทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิต ส่วนอัตราโทษตามมาตรา 151 จำคุกตั้งแต่ 5-20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต ส่วนอัตราโทษตามมาตรา 157 จำคุก 1-10 ปี
Advertisement