(14 มี.ค. 68) เวลา 08.30 น. พ.ต.ท.สมาน ภูวิภาค สารวัตรเวรสอบสวน สภ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี ได้รับแจ้งอุบัติเหตุรถบรรทุกพ่วงชนกับรถกระบะมีเสียงระเบิดและไฟลุกไหม้ รวมทั้งมีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตติดอยู่ภายในรถ รวม 4 ราย ที่ บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ ฝั่งขาเข้า ตัวเมืองลพบุรี ถนนพหลโยธิน ม.4 ต.นายาว อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี จึงประสานรถดับเพลิงการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูพร้อมอุปกรณ์ตัดถ่างพร้อมกันไปยังที่เกิดเหตุ
โดยที่เกิดเหตุการจราจรทั้ง รถเล็ก-รถใหญ่ ที่ขับมุ่งหน้าไป จ.ลพบุรี ติดขัดเป็นแถวยาวนับกิโลเมตร เจ้าหน้าที่ต้องเปิดช่องทางพิเศษ 1 ช่องทาง และพบรถน้ำดับเพลิงจากพื้นที่ใกล้เคียงจำนวน 6 คัน ระดมฉีดน้ำไปที่รถบรรทุกพ่วงในสภาพพลิกตะแคงอยู่ริมถนน เจ้าหน้าที่ดับเพลิงใช้เวลาควบคุมเพลิงไว้ในวงจำกัดกว่า 30 นาที จึงควบคุมไว้ได้และต้องค่อยฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไว้อยู่ตลอด เนื่องจากไฟเกิดการประทุขึ้นมาเป็นระยะๆ และต้องระมัดระวังกระแสไฟฟ้าที่รถบรรทุกพ่วงพุ่งชนหักพาดคารถ ส่วนคนขับรถบรรทุกชาวบ้านได้ช่วยเหลือนำออกมาส่งต่อให้กู้ภัยนำส่งโรงพยาบาลพระพุทธบาท
ห่างออกไปพบรถกระบะยี่ห้อมิตซูบิชิสีดำ ได้รับความเสียหายที่ด้านหน้ายับเยิน เศษชิ้นส่วนของรถตกเกลื่อนกระจายไปทั่วถนน ตรวจสอบภายในรถพบผู้เสียชีวิตจำนวน 3 คน ทราบชื่อ นายอานพ เสียชีวิตคาพวงมาลัย ที่เสื้อมีข้อความว่าสโมสรเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยฯ รายที่ 2 ชื่อ นางศันสนีย์ เสียชีวิตอยู่ที่เบาะด้านหลังและ รายที่ 3 เป็นเด็กชาย อายุ 10 ขวบ เสียชีวิตอยู่ที่เบาะหน้าฝั่งซ้ายไม่มีศีรษะ ซึ่งเป็นที่สลดหดหู่ใจกับชาวบ้านที่มาดูเหตุการณ์ ต่อจากนั้นเจ้าหน้าที่ใช้อุปกรณ์เครื่องตัดถ่างงัดร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ออกมาโดยใช้เวลา 20 นาที
โดยทราบว่าผู้เสียชีวิตทั้ง 3 เป็นพ่อแม่ลูกกำลังเดินทางไปทำงานที่มหาวิทยาลัยฯ ซึ่งออกจากบ้านพักอยู่ที่ด้านหลังสถานีตำรวจ
ขณะที่ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า ตอนนั้นตนเองกำลังเรียงมะพร้าวอยู่หน้าร้านก็ได้ยินเสียงรถบรรทุกบีบแตรไล่รถอยู่ จากนั้นรถบรรทุกพ่วงก็เหินข้ามฝั่งไปเลยแล้วไฟก็ลุก และมีเสียงยางระเบิด ส่วนคนขับไฟได้ลุกลามเกือบจะถึงตัวจนมีชาวบ้านเข้ามาช่วยเหลือนำตัวออกมาได้
ต่อจากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลพระพุทธบาทเพื่อสอบถามอาการบาดเจ็บ คนขับรถบรรทุกพ่วงทราบชื่อ นายธนภูมิ อายุ 31 ปี มีบาดแผลถลอกตามร่างกาย มีเลือดออกที่หูและยังจำเหตุการณ์อะไรไม่ได้
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่อยู่บริเวณใกล้เคียงที่เกิดเหตุ และสอบปากคำหลังจากอาการบาดเจ็บดีขึ้น รวมทั้งตรวจสารเสพติด เพื่อสรุปหาสาเหตุและดำเนินคดีกับคนขับรถบรรทุกพ่วงต่อไป
Advertisement